ขอประณามนักการเมืองพรรคเพื่อไทย ที่ทำแต่สิ่งเลวทราม สร้างปัญหาในสภาไม่พอ ออกมานอกถนน ตอนนี้กำลัง "ชักศึก"เข้าบ้าน ไม่รู้จะว่าจะใช้คำว่า "ขายชาติ" จะให้ความหมายน้อยไปหรือไม่ต่อพฤติกรรมทั้งมวล
อึดอัด อัดอั้นมานานต่อพฤติกรรมของนักการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองในพรรค พ.ท. (เลือกใช้เอาเองตามความชอบเฉพาะบุคคล) ซึ่งสร้างแต่ปัญหา บิดเบือน ปกป้องพวกพ้อง ทำลาย เรียกว่า สารพัด พฤติกรรมที่เลวๆ มีหลักฐานมากมายของการเชื่อมโยงกันระหว่าง คุณทักษิณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง เสธ แดง กองกำลังติดอาวุธ ผู้ก่อการร้าย นักวิชาการบางคน อย่างล่าสุด หนุนหลังให้นักวิชาการ 4 ท่านยื่นหนังสือผ่านประธานกรรมาธิการต่างประเทศ ชื่อ นายต่อพงศ์ ไชยสาสน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็พร้อมเล่นลูกเป็นระนาด ให้ส่งกองกำลัง UN เข้ามาดูแล ให้เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็พยายามหนหนึ่ง สร้างปัญหา ยุแหย่ สร้างความแตกแยก เมื่อได้ที่แล้วก็เกณฑ์คนมาประท้วง พยายามทำให้รัฐไร้อำนาจการบริหาร พยายามทำให้เป็นรัฐล้มเหลว (Failed state) เพื่อให้ต่างชาติอ้างเหตุเข้าแทรกแซง แต่หารู้ไม่ว่า(อาจรู้แต่จงใจ) การเข้าแทรกแซงนั้นสร้างปัญหา ยิ่งกว่า เพราะต่างชาติที่มีผลประโยชน์ หรือเล็งผลเลิศ ในประโยชน์ที่จะได้จากประเทศไทย ก็จะรุมเข้ามา"กินโต๊ะ" เหมือน "แร้งลง" ไปดูประเทศต่างๆที่ผ่านมาได้ เช่น อัฟกานิสถาน หรือ อิรัก ประชาชนก็ฆ่าฟันกันไป ในขณะที่ผลประโยชน์ในแผ่นดินไทยก็ถูกตักตวง กอบโกยโดยคนร่ำรวย และหรือ นักการเมืองในประเทศ ร่วมกับต่างชาติ จนเหลือแต่ซาก แน่นอน
ความระยำของนักการเมืองไทยนั้น ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นมาเป็นเวลาหลายสิบปี เลวร้ายลงทุกวัน ไม่รู้จะเปรียบได้กับอะไรดี ประเทศไทยเคยสุขสงบ เป็นที่กล่าวขาน เลื่องลือสิ่งดีงามมากมาย แม้แต่ประเทศสิงคโปร์ ยังอิจฉา ตาร้อน แต่นักการเมืองไทยทำและกำลังทำให้ประเทศที่รักของเรานี้ เป็นรัฐล้มเหลว (failed state) ล่มสลาย
นักการเมืองไทยบางคนนั้น ถ้าเปรียบการเล่นไพ่ยิ่งกว่า เล่นไพ่สองหน้าอีก ตอแหลทุกคนเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง นอนตื่นขึ้นมา ส่องกระจกยังตกใจตัวเอง คิดว่าไม่ใช่หน้าตัวเอง
ยิ่งคิดยิ่งแค้นฝังหุ่น ผมจะทำทุำกอย่างที่สร้างสรรค์เพื่อให้นำ บัญญัติ 3 ประการ (The three commandments) ไปใช้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ ภายใน10 ปีนับจากนี้
ล่าสุด แกนนำเสื้อแดง เสนอให้ยุติการยิง มีเงื่อนไขให้ UN เป็นคนกลางในการสังเกตการณ์ในกระบวนการยุติธรรมของรัฐบาลไทย และได้รับการชี้แจงจาก ดร. ปณิธาน วัฒนายากร ในเวลาต่อมา ว่านี่เป็นกิจการภายในประเทศไทย ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้ว และที่่สำคัญอื่นใด รัฐบาลนายก อภิสิทธิ์ ต้องพิสูจน์ให้เห็๋นเป็นที่ประจักษ์ก่อนว่า ประเทศไทยมีนิติรัฐอย่างแท้จริง และสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ไม่ใช่ใครก็สามารถคุกคม ข่มขู่รัฐบาลได้ แล้วต้องทำตาม
Thailand Transformation:For sustainable and peaceful nation เสนอแนวคิดใหม่ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ในระบอบประชาธิปไตย ทุนนิยมเสรีอย่างยั่งยืน เป็นธรรม มีความสงบสุข
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บัญญัติ 3 ประการ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บัญญัติ 3 ประการ แสดงบทความทั้งหมด
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
การเมืองไทยและฟิลิปปินส์ ไม่รู้ใครเลียนแบบใคร แต่ไปสู่หายนะทั้งคู่
วันที่ 10 พ.ค.นี้เป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดี ประเทศฟิลิปปินส์ ไม่ต้องไปดูว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดี ผลก็เหมือนเดิม แค่เปลี่ยนหัวโขน เฉกเช่นเดียวกับประเทศไทย ทั้งนี้เพราะ ทั้งคนและระบบการเมืองล้มเหลวหมดแล้วนั่นเอง ไม่สามารถสร้างชาติ ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
สิ่งที่แตกต่งกันระหว่งสองประเทศมีมากมาย แต่สิ่งที่คล้ายคลึงกันคือ
1. นักการเมืองที่ไร้จิตสำนึก ที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม และสืบทอดอำนาจทางการเมืองราวกับบริษัทของตระกูลตัวเอง เช่นตระกูล อาดาล อัมปาตวล จูเนียร์ มีพ่อเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหนึ่ง ที่ถูกตั้งข้อหาฆ่าหมู่ 46 ศพ ปลายปีที่แล้ว เป็นพันธมิตรกับ ประธานาธิบดี มาเรีย อาร์โรโย่ เป็นต้น
2. ประชาชนมีคุณภาพชีวิต การศึกษาโดยทั่วไปยังไม่ดี เรียกว่า รายได้ยังไม่ดี ไทยมีรายได้ต่อหัวต่อคน ต่อ จีดีพี 8,200 ดอลลาร์ ขณะที่ฟิลิปปินส์ มี 3,500 ดอลลาร์
3. ระบบประชาธิปไตยที่ไม่ได้ถูกกล่อมเกลา ปลูกฝัง พฤติกรรมของประชาชนในการแสดงออก จึงเป็นเสมือน งานเทศกาล "เทกระจาด" แจกของ ของปอเต็กตึ๊ง คือ ไร้ระเบียบ ไม่รู้จักสิทธิและหน้าที่
4. สื่อกระแสหลัก ขาดสำนึกรับผิดชอบต่อประชาชน ต่อบ้านเมือง และ ไม่กล้าหาญเพียงพอ
5. กระแสทุนนิยมเสรีกักขฬะ บุกยึดสร้างอิทธืพล เหนือตัวบุคคล และพรรคการเมือง จึงก่อให้เกิดการเข้าแย่งชิง อำนาจรัฐ ผ่านนักการเมือง ผ่านพรรคการเมือง เพื่อสนองผลประโยชน์กลุ่มพวกพ้องตัวเอง เมื่อต่างคนต่างแย่งขิงอำนาจรัฐ จึงต้องมีกองกำลัง ซึ่งอาศัยจากกองทหาร ตำรวจ ทั้งใน และนอกราชการ พวกนอกรีต นอกรอย เป็นกองกำลังติดอาวุธ ไว้ป้องกันตัวเอง และคุกคาม ข่มขู่ ผู้อื่น
6. การเลือกตั้ง เป็นแค่ช่องทาง แค่อุบายให้เหล่านักการเมือง ได้ถูกเรียกว่า ผ่านระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น จึงหวังพึ่งการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะ ทุจริต ซื้อเลียง โกงการเลือกตั้งอย่างมโหฬาร
7. หัวใจระบอบ ปชต. อยู่ที่การมีส่วนร่วมของภาคพลเมือง ยิ่งมีส่วนร่วมมาก ยิ่งเป็นประชาธิปไตยมาก แต่ทั้งสองประเทศนี้ ภาคประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองแค่หย่อนบัตรเลือกตั้ง
8. ทั้งสองประเทศจัดเป็นประเทศที่มีความโปร่งใสด้านเงินที่เกี่ยวกับการเมืองสูง (Money in politics transparency) ระดับเดียวกับสหรัฐอเมริกา สูงกว่าสิงคโปร์มาก แต่สิงคโปร์ทุจริต คอรรัปชั่น น้อยกว่ามากมาย
บัญญัติ 3 ประการในการแก้ไขปัญหาการเมืองของประเทศทั้งสอง
1. ระบบการคัดกรองนักการเมือง
2. เงินที่เกียวการเมือง
3.ปฏิรูปสื่อ
ต่อไปขอเรียก ทั้งสามข้อข้างต้นว่าเป็น "บัญญัติ 3 ประการ"
สิ่งที่แตกต่งกันระหว่งสองประเทศมีมากมาย แต่สิ่งที่คล้ายคลึงกันคือ
1. นักการเมืองที่ไร้จิตสำนึก ที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม และสืบทอดอำนาจทางการเมืองราวกับบริษัทของตระกูลตัวเอง เช่นตระกูล อาดาล อัมปาตวล จูเนียร์ มีพ่อเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหนึ่ง ที่ถูกตั้งข้อหาฆ่าหมู่ 46 ศพ ปลายปีที่แล้ว เป็นพันธมิตรกับ ประธานาธิบดี มาเรีย อาร์โรโย่ เป็นต้น
2. ประชาชนมีคุณภาพชีวิต การศึกษาโดยทั่วไปยังไม่ดี เรียกว่า รายได้ยังไม่ดี ไทยมีรายได้ต่อหัวต่อคน ต่อ จีดีพี 8,200 ดอลลาร์ ขณะที่ฟิลิปปินส์ มี 3,500 ดอลลาร์
3. ระบบประชาธิปไตยที่ไม่ได้ถูกกล่อมเกลา ปลูกฝัง พฤติกรรมของประชาชนในการแสดงออก จึงเป็นเสมือน งานเทศกาล "เทกระจาด" แจกของ ของปอเต็กตึ๊ง คือ ไร้ระเบียบ ไม่รู้จักสิทธิและหน้าที่
4. สื่อกระแสหลัก ขาดสำนึกรับผิดชอบต่อประชาชน ต่อบ้านเมือง และ ไม่กล้าหาญเพียงพอ
5. กระแสทุนนิยมเสรีกักขฬะ บุกยึดสร้างอิทธืพล เหนือตัวบุคคล และพรรคการเมือง จึงก่อให้เกิดการเข้าแย่งชิง อำนาจรัฐ ผ่านนักการเมือง ผ่านพรรคการเมือง เพื่อสนองผลประโยชน์กลุ่มพวกพ้องตัวเอง เมื่อต่างคนต่างแย่งขิงอำนาจรัฐ จึงต้องมีกองกำลัง ซึ่งอาศัยจากกองทหาร ตำรวจ ทั้งใน และนอกราชการ พวกนอกรีต นอกรอย เป็นกองกำลังติดอาวุธ ไว้ป้องกันตัวเอง และคุกคาม ข่มขู่ ผู้อื่น
6. การเลือกตั้ง เป็นแค่ช่องทาง แค่อุบายให้เหล่านักการเมือง ได้ถูกเรียกว่า ผ่านระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น จึงหวังพึ่งการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะ ทุจริต ซื้อเลียง โกงการเลือกตั้งอย่างมโหฬาร
7. หัวใจระบอบ ปชต. อยู่ที่การมีส่วนร่วมของภาคพลเมือง ยิ่งมีส่วนร่วมมาก ยิ่งเป็นประชาธิปไตยมาก แต่ทั้งสองประเทศนี้ ภาคประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองแค่หย่อนบัตรเลือกตั้ง
8. ทั้งสองประเทศจัดเป็นประเทศที่มีความโปร่งใสด้านเงินที่เกี่ยวกับการเมืองสูง (Money in politics transparency) ระดับเดียวกับสหรัฐอเมริกา สูงกว่าสิงคโปร์มาก แต่สิงคโปร์ทุจริต คอรรัปชั่น น้อยกว่ามากมาย
Chart below: Levels of money in politics transparency
บัญญัติ 3 ประการในการแก้ไขปัญหาการเมืองของประเทศทั้งสอง
1. ระบบการคัดกรองนักการเมือง
2. เงินที่เกียวการเมือง
3.ปฏิรูปสื่อ
ต่อไปขอเรียก ทั้งสามข้อข้างต้นว่าเป็น "บัญญัติ 3 ประการ"
ป้ายกำกับ:
บัญญัติ 3 ประการ,
ฟิลิปปินส์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)