Powered By Blogger

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดจริงจัง สลายฝูงชนอย่างมี หลักการ และเมตตาธรรม

หากพิจารณาจากข้อเรียกร้องของ แกนนำเสื้อแดง และพฤติกรรมที่ผ่านมาทั้งหมด ยังไม่มีความชอธรรมในการเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา เมื่อครั้ง อดีตนายก สมัคร กับ อดีตนายก สมชาย ก็มีที่มาเฉกเช่นเดียวกับ นายก อภิสิทธิ์ แล้วทำไม แกนนำเสื้อแดงถึงไม่เรียกร้อง ประท้วง อดีต นายกทั้งสองนั้นด้วยเล่า ??

การเรียกร้องให้ นายก อภิสิทธิ์ ยุบสภาทันที จึงไม่มีเหตุผล ทั้งช่วงจังหวะเวลา และ ความชอบธรรม นอกจากเหมือนเด็กก้าวร้าว ที่เรียกร้องจะเอาของเล่น เมื่อไม่ได้ก็กระทืบเท้า ร้องไห้ ชักดิ้น ชักงอ อยู่กับพื้น แต่แกนนำเสื้อแดง มีวุฒิภาวะ การแสดงออก การตอบโต้รัฐบาล จึงไม่เพียงแค่กระทืบเท้าเอาของอย่างเดียวแน่ ถ้าไม่ได้ของ คือการยุบสภาตามข้อเรียกร้อง มีแนวโน้มสูงมากที่จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายมากยิ่งขึ้น ทั้งทางลับ และทางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นลอบวางระเบิด บุกยึดสถานที่ราชการ สร้างปัญหาการจราจร  เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลทำตาม



การที่ ศอ.รส ออกประกาศฉบับที่5 ที่6 และ ต้องมีฉบับต่อๆไปอีกแน่ และวิธีการที่ ศอ.รส ใช้โดยใช้คำสั่งศาลนั้น อาจไม่ได้ผล เหมือนกรณี เสื้อเหลืองกระทำมาแล้ว จนในที่สุด วุ่ยวาย แกนนำผู้ประท้วง ได้ใจ กำเริบ ท้าทายอำนาจรัฐมากยิ่งขึ้น รัฐบาลจึงตกที่นั่งลำบาก เพราะ พึ่งพาอาศัยอานาจศาล ก็ถูกฝ่ายกฎหมายเสื้อแดง ยื่นศาลขอคัดค้าน(หากได้ผล) และ กดดันหนักยิ่งขึ้น ผู้ประท้วงอาจรวมตัวกันมากยิ่งขึ้น จนรัฐบาลไร้การควบคุม จะยิ่งโกลาหล  ถึงตอนนั้น รัฐบาลจะทำอย่างไร ??

ขอแนะนำให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายม๊อบ เลยจะดีกว่า ไม่เยิ่นเย้อ อีดอาด เข้าไปพร้อมๆกับ ผู้สื่อข่าว ให้เป็นสักขีพยาน ว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฎิบัติ อย่างมีเมตตาธรรม และ ฝ่ายผู้ประท้วงด้วย ว่าตอบโต้อย่างไร ใช้อาวุธหรือไม่ โดยห้ามพกพาอาวุธ นอกจาก เครื่องป้องกันตัว สายรัดพลาสติก ไว้มัดมือ เท้าผู้ประท้วง ที่ขัดขืน ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย  พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อแจ้งครบทุกคน จึงปล่อยตัวไป รอขึ้นศาล  โดยเริ่มจากการประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ก่อนเป็นลำดับแรก

การประกาศตัวของนายวีระ หนึ่งในแกนนำเสื้อแดง พร้อมจะตอบโต้รัฐบาลทุกรูปแบบ นั้น เป็นทั้งการข่มขู่ คุกคาม โดยมีนัยะความรุนแรงแฝงอยู่ด้วยแน่นอน หากรัฐบาลใช้กำลังเข้าสลายม๊อบ  ซึ่งก่อนหน้านี้ตัดขาดแนวทางการนำม๊อบของเสธ.แดง ที่นิยมความก้าวร้าวรุนแรง ทำให้หลงเชื่อว่า คงจะใช้วิธีสันติตลอดไป มาบัดนี้ จากคำปราศัียล่าสุด เป็นไปได้สูงกลุ่มแกนนำจะไม่ใช้สันติวิธี หากแกนนำเสื้อแดงรู้ตัวว่าจะแพ้  จึงเป็นสิ่งที่สมควรประณาม

รัฐบาล อาจจะรู้ว่ามีฝ่ายตรงข้าม หรือแกนนำผู้ประท้วงบางคนพร้อมจะ "เล่นเกมแรง" ถึงเลือดตกยางออก หรือ สูญเสียถึงชีวิต จึงยังไม่กล้า สลายฝูงชน หรือไม่แน่ใจว่า เจ้าหน้าที่จะมีทักษะเพียงพอ มีความอดกลั้นเพียงพอ จึงยังไม่กล้าลงมือ  ที่จริง การใช้น้ำฉีด หรือวิธีอื่นๆ (ก่อนประกาศของ ศอ.รส.) ในการสลายฝูงชน ควรต้องนำมาใช้ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ การเริ่มตั้งเวที  ฝูงชนเริ่มเข้ารวมตัวกัน แต่รัฐบาลก็ไม่ทำอะไร งงจริงๆ เฟอะฟะ มากมาย นี่แสดงให้เห็นว่า อำนาจรวมศูนย์ การสั่งการ อยู่ที่นายก หรือ นายสุเทพ เท่านั้น  เมื่อมีผู้กระทำผิดกฎหมาย ไม่ได้อยู่ที่ตำรวจท้องที่ที่รับผิดชอบ สิ่งที่ถูกต้องควรจะให้ตำรวจท้องที่สกัด จับ ปรับก่อนเลย และ้ ห้ามวางสิ่งกีดขวางการสัญจร ไม่ว่าตนหรือสิ่งของ  ลักษณะนี้งานจึงตกหนักที่ นายก และ นายสุเทพทั้งหมด ไม่ว่าเรื่องเล็ก หรือ ใหญ่ และที่สำคัญ เป็นค่านิยม ทำให้ตำรวจไม่ว่า ชั้นยศไหน เกรงกลัวนักการเมืองหมด ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องมองหน้านักการเมืองก่อนว่า ทำได้หรือไม่ได้ ทำให้บ้านเมือง อยู่ในดุลพินิจนักการเมืองจะพาไปไหน และที่แน่ๆ ขณะนี้ คนไทยกำลังตกนรกกันทั่วหน้า

สิ่งที่น่าห่วงที่สุดก็คือการลอบ ขว้างระเบิด วางระเบิด ที่เกิดขึ้น รัฐยังไม่สามารถจับผู้กระทำความผิดได้เลย นี่ป็นสิ่งยืนยันถึง ความสามารถ หรือไร้ความสามารถของรัฐบาลกันแน่ ??  แล้วจะไม่ให้ประชาชนหวาดกลัวได้อย่างไร

บ้านเมืองไทยอยู่กันสงบสุขมาช้านาน เมื่อเร็วๆนี้ ผลสำรวจพบว่า 5% ของผู้เกษียรอายุชาวอังกฤษ ต้องการมาอยู่ในประเทศไทย (5%) มากกว่าอยากไปอยู่ในอเมริกา(4%) ซะอีก แต่นักการเมืองทำกันจนเละ อนาถใจจริงๆ แล้วยังมีหน้ามาเสนอตัวอาสารับใช้ประชาชน เวรของกรรมแท้ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น