สภาพอาคารที่ถูกเพลิงไหม้
ส่วนความเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ บริษัท ห้างร้านต่างๆ ต้องแบกรับเอง คือ การขาดทุน หรือ เจ๊ง ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม ผู้บริหารบริษัท ห้างร้านต่างๆ ต้องรู้จักประกันความเสี่ยงด้านต่างๆไว้เอง เพื่อชดเชยความสูญเสียอันไม่อาจควบคุมได้
การช่วยเหลือที่รัฐบาลพอจะทำได้ ได้แก่
1. ผู้กระทบรายย่อย ลูกจ้าง หาสถานที่ค้าขายให้ ค้าขายฟรีๆบนพื้นที่สาธารณะ เช่น ปิดถนนบางสาย บางวันให้ผู้ได้รับผลกระทบไปค้าขายฟรีๆ
2.หากจำเป็นต้องชดเชยเป็นเงินให้แก่ผู้ค้ารายย่อย และลูกจ้าง ให้พิจารณาจากการเคยเสียภาษีย้อนหลังของผู้นั้นเป็นรายๆไป หาำกไม่เคยเสียภาษีให้รัฐเลย ไม่สมควรชดเชยให้เด็ดขาด
รัฐบาล นายก อภิสิทธิ์จึงไม่มีหน้าที่จะเอาภาษีของคนทั้งประเทศไปให้ใคร กลุ่มใดๆ โดยพละการ
อย่าใช้อำนาจผิดๆ คราวก่อนก็หนหนึ่งแจกเงินเป็น "เช็คช่วยชาติ" 2,000 บาท แก่คน 9 ล้านคน หมดเงินไปกว่า 18,000 ล้านบาท อ้างว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ ชาวนา ชาวไร่ ที่ยากจน มากกว่า คนมีงานทำที่ได้รับแจกเสียอีก ไม่ได้รับแจกด้วย ความเป็นธรรมอยู่ตรงไหน ?? หรือว่าอยู่ตรงที่ "ผู้มีอำนาจ"
มาคราวนี้ ข่าวห้างเซ็นทรัลเสียหาย1,000 ล้าน ท่านนายก อภิสิทธิ์ จะชดเชยความเสียหายอันเกิดจาก การจลาจล เพลิงไหม้ให้แก่ผู้เสียหายอีก และได้มีการแจกเงินไปบ้างแล้ว รายละ 50,000 บาทในเบื้องต้น ข่าว บีทีเอส ขอชดเชย 100 ล้านบาท
การที่ นายก อภิสิทธิ์ตัดสินใจบังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาด และจริงจังนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และต้องใช้อำนาจรัฐอย่างเป็นธรรม ใช้ภาษีของประชาชนอย่างเป็นธรรม อย่าได้ใช้อำนาจผิดๆ (power abuse) อีก
หากท่าน นายก อภิสิทธิ์ นำภาษีประชาชนทั้งประเทศ ไปแจก บริษัท ห้างร้านอีก เท่ากับ...
1. ปล้นเงินภาษีประชาชนไปให้คนรวย เป็นพฤติกรรมตีเมืองขึ้นไว้เป็นฐานทางการเมือง โดยเฉพาะ บริษัท ห้างร้านที่ร่ำรวยอยู่แล้ว เช่น บีทีเอส เซ็นทรัล โรงแรมระแวกราชประสงค์ ซึ่งสมควรทำประกันความเสี่ยงต่างๆไ้ว้ แต่กลับ "งก" ละเลยไม่ทำไว้
2. มีพฤติกรรม "ซื้อเสียง" โดยการนำภาษีประชาชนไปแจกผู้ค้ารายย่อย ลูกจ้าง ที่ได้รับผลกระทบ
พฤติกรรมเยี่ยงนี้เป็น นักการเมืองไขมันส่วนเกิน ไม่ใช่กล้ามเนื้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น