Powered By Blogger

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

ซื้อประเทศไทยด้วยเงินเพียง.. 25,000 ล้านบาท ?? ตอนที่1

เงินทางการเมืองมีความสำคัญเพียงใด??...โปรดอ่านต่อไปนี้...
เิงินจำนวน 25,000 ล้านบาืท หากซื้อที่ดินแถวสุขุมวิท กลางใจ กทม จะได้กี่ไร่?? คงประมาณ 42 ไร่(ราคาตลาด ณ ปัจจบัน 600 ล้านบาทต่อไร่)

หากมีเงินมากพอและมีความคิดที่จะครอบครองเป็นใหญ่ในประเทศไทยนั้นไม่ยากเกินจนทำไม่ได้ หากเรายังคงปล่อยให้ทุนกักขฬะ คนกักขฬะ(ทั้งคนไทยและต่างชาติ)เข้าครอบงำทางการเมืองต่อไป



รัฐสภาไทยมี ส.ส.ที่ผ่านการเลือกตั้ง รวม 500 คน ตามรัฐธรรมนูญไทยปี 2550 ใน 500 คนนี้ มี 1 คนต้องได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และ คณะรัฐมนตรีอีก 35 คน

ให้เงินเดือนนักการเมืองที่มีโอกาสได้เป็น ส.ส. มากที่สุด 500 คนๆละ 500,000 บาทต่อเดือน เป็นเงิน  250 ล้านบาทต่อเดือน และให้ต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปีเต็ม เป็นเงิน 12,000 ล้านบาท บวกด้วยเงินค่าใช้จ่ายตอนเลือกตั้ง(ซื้อเสียง)อีก คนละ 20 ล้านบาท เป็นเงิน 10,000 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ(เช่น ค่าทำโพลทุกเดือน ค่าจ้างพนักงานประจำพรรค และเงินสำรอง ..ฯลฯ) อีก 3,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 25,000 ล้านบาท

เพราะทุกวันนี้ฟังมาว่า มีบางพรรคการเมือง ก็ให้เงินเดือน ส.ส เดือนละ 2-300,000 บาท

คำถามคือ คนๆนี้ หรือพรรคของบุคคลเหล่านี้จะได้เป็นใหญ่ในประเทศไทย หรือ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้หรือไม่??

แค่เรื่องการคัดเลือกคณะกรรมการ กสทช. 11 คนที่รอคอยมานานกว่า 14 ปี ที่จำเป็นต้องมีอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ ผลประโยชน์มากมายมหาศาล นับล้านล้านบาท แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็สุดคุ้ม

ทำธุรกิจอะไรก็เสี่ยงเหมือนกัน หากลงทุนทางการเมืองวิธีนี้ ผลตอบแทนต่างกันมากมายนัก

สิ่งที่รัฐบาล และ พรรคเพื่อไทย(พ.ท.-เพื่อทักษิณ) ร่วมกันทำจึงเป็นการตอกย้ำถึง เงินที่กำลังซื้อประเทศไทยได้อย่างดี

หากรัฐบาลทำ(ช่วย คุณทักษิณทุกเรื่อง)ได้สำเร็จ กฎหมายบ้านเมืองไม่มีความหมายอะไรเลย(หากมีเงิน) นี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ควรเอาอย่าง




วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

เป็นเพราะการเมืองที่ไร้มาตรฐาน

เมื่อ 12 พ.ค. 53 ได้เขียนถึงเรื่อง "การเมืองไทยและฟิลิปปินส์ไม่รู้ใครเลียนแบบใครแต่ไปสู่หายนะทั้งคู่."
มาบัดนี้ วิกิลีกส์(WikiLeaks) ได้เปิดเผยให้เห็นหลักฐานว่า การเมือง และสภาพปัญหาต่างๆของฟิลิปปินส์ เป็นจริงดั่งที่เขียนไว้ นั่นคือ นักการเมือง พ่อค้า ผู้มีอิทพล ต่างมีกองกำลังที่เข้มแข็ง กว่าตำรวจของรัฐเสียอีก เพื่อปกป้อง รักษาอำนาจ ผลประโยชน์ตนเอง และ ไว้คุกคาม ข่มขู่ เข็ญฆ่าฝ่ายตรงข้าม หรือใครก็ตามที่ขัดผลประโยชน์ของกลุ่มตน 

นีี่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อทั้งระบบ การเมือง การค้า ความเป็นธรรมในสังคมทุกๆเรื่องและความมั่งคั่ง ความมปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม นี่เป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของทั้ง ระบบ คน และ สื่อกระแสหลัก ที่ไม่อาจรักษา "หลักคุณธรรม ความดีงาม"(Virtue Principle)ไว้ได้ บ้านเมืองก็อยู่ไม่ได้

ประเทศไทยก็ไม่ต่างกัน ณ. เวลานี้

หนทางแก้ไขก็คือต้องเปลี่ยนวิธีการ โดยใช้ "เทคโนโลยีประชาธิปไตยมีส่วนร่วมของภาคพลเมือง"
(Participatory Technocracy) และเปลี่ยนวิธีการยึดพื้นที่จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง(Election based Locations)  
ให้เปลี่ยนเป็น  กลุ่มอายุ เพศ อาชีพ ของประชาชน(Election Based Demographics)ทั้งประเทศ แทนเสีย ก็จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องการซื้อเสียง ได้อย่างเด็ดขาด