Powered By Blogger

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

Tough Times For Newspapers: ช่วงเวลาที่ยากลำบากของหนังสือพิมพ์

วงการหนังสือพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา กำลังหาหนทาง ดิ้นรน เพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะช่วง 4 ปี หลังสุดนี้ (2006-2009) รายได้จากค่าโฆษณา ซึ่งเป็นรายได้หลักของอุตสาหกรรมโดยรวมลดลงมากมายถึง 44.24% จาก 49.275 พันล้านดอลลาร์ สู่ 27.564 พันล้านดอลลาร์(ในยอดนี้มีรายได้ทางออนไลน์อยู่ 2.027 พันล้านดอลลาร์) หากใครสนใจในรายละเอียดตัวเลขมากกว่านี้ เชิญอ่านได้ด้านล่างนี้...

ส่วนสาเหตุนั้นเพราะ..

1. พฤติกรรมของผู้เสพสื่อเปลี่ยน ไปใช้เวลาบนอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ และเสพสื่อฟรี ที่มีอยู่อย่างมากมาย หลากหลาย ผู้คนจึงอ่านหนังสือพิมพ์ สื่อสิ่งพิมพ์น้่อยลง
2. เกิดเว็บไซต์อย่าง graiglist.org  เปิดพื้นที่ให้คนทั่วไปสามารถโฆษณาอะไรก็ได้ฟรีๆ ทั่วโลก  แต่ถ้าโฆษณาผ่านหสังสือพิมพ์ จะเสียเงิน
3. เว็บเทคโนโลยี ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึง พื้นที่ต่างๆ ในเว็บไซต์ต่างๆ ในต่างรูปแบบ (platform) กันได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก เช่น โทรศัพท์สมาร์ทโฟน (เว็บโฟน) ทำรายการมัลติมีเดีย รับข่าวสารต่างๆ  บนเน็ตได้ไปจนถึง อุปกรณ์พกพาอื่นๆ ด้วย โดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยังแหล่งข่าวโดยตรง หรือเว็บไซต์นั้นๆ โดยตรง 
4. เกิดผู้รวบรวมข่าวสาร (News aggregator) อย่าง Google news จะเป็นผู้รวบรวมหัวข้อข่าวสารต่างๆ จากเว็บไซต์แหล่งข่าวต่างๆ ทั่วโลก และส่งตรงถึงผู้รับโดยตรง โดยที่ผู้รับข่าวสาร ไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ที่สนใจนั้น เพื่อ update ข่าวอีกต่อไป และผู้รับข่าวสาร สามารถเลือกประเภทข่าวได้อย่างไม่่จำกัด และที่สำคัญฟรี     




แผนภาพด้านบน เป็นการแสดงถึงทิดทางของรายได้จากค่าโฆษณาของหนังสือพิมพ์





แผนภาพด้านบนเป็นการสำรวจของ บริษัทวิจัย Harris Interactive บอกว่า 74% ของผู้เสพสื่อ ไม่ยินดีจ่าย จะไปหาอ่านข่าวจากแหล่งอื่นแทน มีเพียง 5 % เท่านั้น ที่ยินยอมจ่าย  ทั้งนี้เพราะ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต รับรู้มาโดยตลอดเวลาว่า ข่าวสารบนอินเตอร์เน็ต มีไว้ให้อ่านฟรี  และผู้เผยแพร่ข่าวสาร ผ่านอินเตอร์เน็ตก็เพื่อ ให้มีคนอื่นได้พบเห็น (Publishers put their content on the web because they want it to be found)
Annual Newspaper Ad Expenditures


Rupert Murdoch เจ้าพ่อสื่อ ทั้งสื่อกระแสหลัก และสื่อใหม่ ครอบคลุม 4 ทวีป ทั้งอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชีย และ ออสเตรเลีย หาทางออก โดยการเก็บเิงินค่าสมาชิกในการเข้าถึงเนื้อหา(pay walls) เช่น หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal (WSJ), The New York Post, Times and Sunday Times ต้องจ่ายเงิน 1 ปอนด์ต่อการเข้าถึงเนื้อหา 1 ครั้ง จ่าย 2 ปอนด์ ต่อการเป็นสมาชิก 1สัปดาห์ เป็นต้น (ข่าว)

ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งทางการตลาดของสื่อกระแสหลักต่างๆ  เป็นที่น่าสังเกตอย่างยิ่งที่ สื่อใหม่ สื่ออินเตอร์เน็ต เติบโตกินส่วนแบ่งด้านการตลาดถึง 200% กว่า ในชณะที่ สื่ออย่างหนังสือพิมพ์ ตกลงโดยตลอด



 แผนภาพด้านบน เป็นการแสดงถึง ส่วนแบ่งทางการตลาดของสื่อกระแสหลักต่างๆ ที่คาดว่า ภายในปี 2014 สื่อใหม่อย่าง อินเตอร์เน็ต จะโดดเด่นมาก กินส่วนแบ่งทางการตลาด ประมาณ 19% หรือมีเม็ดเงินโฆษณาบนอินเตอร์เน็ต จะมากถึง 70 พันล้านดอลลาร์ และทั่วโลกประมาณ 170 พันล้านดอลลาร์
ดูช่างสดใส มีโอกาสอย่างมากมาย

มาดูด้านคนทำงานในวงการหนังสือพิมพ์บ้าง เห็นกราฟด้านล่างแล้วสยอง !!


จำนวนคนที่ทำงานวงการหนังสือพิมพ์ ก็ถูกปลดออกจำนวนมากมาย จนเหลือ คนทำงานหนังสือพิมพ์ต่ำกว่า สมัยปี 1960  ที่ประมาณ 300,000 คน ลดลงกว่า 150,000 คน จากช่วงปี 1988-1990 ช่วงที่รุ่งโรจน์สุดๆ ของวงการหนังสือพิมพ์ผ่านพ้นไปนานแล้ว  มิต้องพูดถึง ราคาหุ้นซึ่ง....เน่าสนิท

อุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ของประเทศไทยก็เช่นกัน ผลกระทบจะช้าหน่อย  แต่เริ่มส่งผลกระทบแล้ว จากยอดค่าโฆษณาหด รายได้หด






วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

แกนนำเสื้อแดง:พฤติกรรมเหมือนเด็กกระทืบเท้าเอาของ

เป็นวันที่สองที่ นายก อภิสิทธิ์ พูดคุยกับแกนนำเสื้อแดง ชุดเดิม แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อ ทัศนคติ วิสัยทัศน์ ของคนนั้นสำัคัญมาก ยิ่งคนที่อยากจะเข้าไปทำงานทางการเมืองด้วยแล้ว ถ้า สิ่งเหล่านี้ ฝังแน่น ในความเชื่อผิดๆ ทัศนคติเชิงลบ มีสำนึกเผด็จการค่อนข้างมาก ไร้วิสัยทัศน์

การพูดคุยกันของทั้งสองฝ่าย เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยน หยิบยื่นผลประโยชน์ระหว่างกันเท่านั้น ปัญหาปากท้อง ปัญหาความยากจน ช่องว่างคนรวยคนจน ความไม่เป็นธรรมในสังคม ไม่ได้พูดถึง ไม่อยู่ในความคิด ในสำนึก ของทั้งสองฝ่าย แล้ว บอกให้ยุบสภา ภายใน 15 วัน จะแก้ปัญหาได้หมด อย่างนั้นหรือ ?? มันก็แค่เปลี่ยนคนมีอำนาจ  เหมือนหนีเสือปะจรเข้ นะคนไทย

บางคนพูดว่า การเลือกตั้งเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย ผมกลับเห็นว่า การมีส่วนร่วมของภาคพลเมืองต่างหากที่เป็นหัวใจ ของระบอบ การเลือกตั้งเป็นแค่รูปแบบหนึ่ง เป้นแค่เครื่องมือ เท่านั้น ส่วนการมีส่วนร่วม ของภาคพลเมือง อย่างทั่วถึง นี่แหละเเนื้อหา หมายความว่า ถ้าเราสามารถทำให้ภาคพลเมือง มีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างแท้จริง อาทิเช่น ในระบบการคัดกรองนักการเมือง และ ผสมผสานแนวคิดด้านเทคโนโลยี เพื่อเอื้อให้พลเมืองทุกภาคส่วน ทุกกลุ่มอายุ ได้มีส่วนร่วมทางการเมือง ได้ เสนอแนะ ถกเถียง แจ้งเหตุ สื่อสารสองทาง รวดเร็ว คล่องตัว ไม่ยุ่งยาก อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกตั้งซึ่งเป็นแค่รูปแบบหนึ่ง เราจะเปลี่ยนไปใช้รูปแบบอื่น หรือไม่จำเป็นต้องมีก็ยังได้  ในอนาคต ถ้ามีระบบอะไรที่ดีกว่าการเลือกตั้ง เราสามารถ นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ทางการเมืองได้ดี เมื่อนั้น การเลือกตั้งเป็นแค่ใส้ติ่งด้วยซ้ำ เพราะ ไร้ประโยชน์อีกต่อไป


หมอเหวง 

พูดถึงหมอเหวงหน่อย ตอนแรก ภาพที่ผมนึกถึง คิดว่าเป็นคนรักอุดมคติ รักความเป็นธรรม มีแนวทางน่าเลื่อมใส สองวันที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า ในหัวเต็มไปด้วย อคติ และอุปปาทาน ไร้ความน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง ....ฮ่วย คุณหมอพลาสติก !!

ระว่างการพูดคุยกัน ทั้งสองฝ่ายต่างบอกว่า ไม่เชื่อ อีกฝ่าย ผมคนฟัง ก็อยากบอกเหมือนกันว่า  ผมก็ไม่เชื่อคุณและคุณ ทั้งสองฝ่าย รวมทั้งระบบเดิมๆ นี้ ว่าจะสามารถสร้างชาติได้ ทำให้ประชาชนอยู่ดี มีสุขได้ในโลกที่กำลังแบนราบลง.... ตูล่ะเบื่อ !!

ได้เวลายกเครื่องประเทศไทยใหม่แล้วครับ

วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

ท่าทีรัฐบาล และวิธีปฎิบัติ: แรงจูงใจให้เกิดความรุนแรงทางการเมือง

คำให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ของ คุณกอบศักดิ์ สภวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายก อภิสิทธิ์ ต่อรายการ ของคุณ สรยุทธิ์ สุทัศนจินดา เมื่อตอนเที่ยวงนี้่ ทำนองว่า กังวล เป็นห่วงการโยนระเบิด ลอบวางระเบิด หรือ การก่อความรุนแรง ไม่รู้ว่า จะรุนแรงอีกเมื่อใด และจะมีใครบาดเจ็บ ล้มตาย อีกหรือไม่ ? จึงต้องรีบรับข้อเสนอเข้าเจรจา กับฝ่ายแกนนำเสื้อแดง



ฟังแล้วรู้ได้ทันทีว่า ด้วยวิธีคิด ของนักการเมือง ของรัีฐบาล ของเจ้าพนักงานรัฐ จนเป็นวัฒนธรรมไปแล้วก็คือ  "ถ้า เองอยากจะให้ข้าฟัง เองก็ต้องไปพาคนมาแยะๆนะ (โว้ยยย) มากันคน สองคน ข้าไม่สนใจเองหร๊อก  ประท้วงกันเยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี ข้าถึงจะเปิดหูฟังเอง และถ้าจะให้ข้าทำตามเองหมดทุกอย่างก็ จงทำความเดือดร้อนต่อชาติ ประชาชน แยะๆด้วยนะ (โว้ยยย) ข้าถึงจะ ทำตาม และถ้ามีคนตาย เผาบ้าน เผาเมืองด้วย  ยิ่งดี ข้าจะรีบลาออก ยุบสภา หรือทำตามเงื่อนไข เองทุกอย่าง"

สิ่งที่เห็น ที่เป็นจริงอยู่ตลอดมา และกำลังเกิดอยู่กับ รัฐบาล นายก อภิสิทธิ์ ก็เป็นอย่างนี้ ไม่ผิด ไม่เพี้ยน เลย แบบนี้ เขาเรียกว่า รัฐบาลขี้ขลาด ตาขาว ไม่มีหลักการในการปกครอง บริหารบ้านเมือง ไม่มีขบวนการ เครื่องไม้ เครื่องมือ ช่องทางการสื่อสารสองทาง เช่น เว็บไซต์ ที่เป็น web service รับรู้ รับฟัง ปัญหา ความคับข้องใจ ของประชาชน ในทุกๆเรื่อง เน้นครับ ว่าทุกๆเรื่อง ตั้งแต่ต้น

นายก อภิสิทธิ์ บอกว่า "ผมจะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน" (แต่ไม่ทำอะไร) ฟังดูสวยงาม รื่นหู น่าเลื่อมใสจริงๆ

การเริ่มมีการขว้างปาระเบิด วางระเบิด ตามสถานที่ต่างๆนั้น คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก มาจากม๊อบเสื้อแดง แกนนำคนเสื้อแดง บอก(ต่อสื่อ) ตลอดเวลาว่า จะไม่ใช้ความรุนแรง แต่ลับหลัง ก็ให้แนวร่วม ที่นิยม ถนัดใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะ ทหาร ตำรวจ เพราะ อาวุธทางใช้เป็นอาวุธสงคราม ประชาชนทั่วไป ไม่มีแน่ วงการทหาร ตำรวจ เป็น "บ่อผึกฝน" "บ่อพัก" คนเลว มาแต่ไหนแต่ไร
 
ถ้าแกนนำคนเสื้อแดง คุณทักษิณ คิดว่า ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ กับความรุนแรงเหล่านี้ ก็ต้องออกมาประณาม และต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์   ต่อประชาชน ที่ได้รับบาดเจ็บ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน  เช่น ประกาศสลายการชุมชม เพราะ แกนนำเสื้อแแดง และคุณทักษิณ เป็นต้นเหตุ และไม่สามารถควบคุมม๊อบได้ จึงยุติไว้(ชั่วคราว) ก่อน เพราะเกรงว่าจะรุกลาม บานปลาย แต่ เปล่าเลย กลับดีใจ กระหยิ่มยิ้มย่องที่สามารถทำให้รัฐบาลหันหน้ามาเจรจาได้

พฤติกรรมแกนนำ(ทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง  คุณทักษิณ รวมทั้งนักการเมืองบางคน ) น่าได้รับถ้วยรางวัลจริงๆ แต่เป็นถ้วย......บ่อนทำลายชาติได้ยอดเยี่ยม และรวดเร็ว  !!! ถ้วยรางวัลนี้ ไม่มีใครมอบให้ได้หรอกนะ นอกจาก.... ท่านยมมมม.......บาล !! (รีบไปรับซะนะ)


   

นายก อภิสิทธิ์ พบปะเจรจากับแกนนำเสื้อแดงแล้ว.....

ผมไม่เคยฟังการยุแหย่ ของแกนนำเสื้อสีไหน ไม่ว่าเวทีไหน ได้แต่ติดตามข่าวสารผ่านสื่อต่างๆ  วันนี้ได้เห็น ได้รู้ ได้ฟังตลอดว่า แกนนำเสื้อแดง โดยเฉพาะ ที่มาพบ นายก หนนี้ คือ นาย จตุพร พรหมพันธ์
หมอเหวง โตจิราการ และ นาย วีระ มุกสิกพงศ์ นั้นผมขอวิพากษ์ วิจารณ์แกนนำเสื้อแดง ดังนี้


ภาพจาก กรุงเทพธุรกิจ แกนนำเสืิ้อแดง: หมดเหวง, วีระ และจตุพร หลังเจรจากับนายก


1. สิ่งที่แกนนำเสื้อแดงควรทำ ณ ขณะนี้มากที่สุด คือ ไปศึกษา เรื่องระบอบประชาธิปไตยโดยด่วน อย่าคิดว่า การเลือกตั้ง คือประชาธิปไตย หรือ ประชาธิปไตย คือการเลือกตั้ง แล้วจบ เพราะสิ่งที่เรียกร้อง จนถึงขณะเจรจาสดๆ คือ เมื่อรัฐบาลยุบสภา แล้วให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ก็แก้ปัญหาการเมืองตามแนวคิดเสื้อแดงได้แล้ว เหมือนกดปุ่ม ด้วยทัศนคติเชิงลบ กระบวนทัศน์ที่คับแคบ และวิธีคิดที่ห่วยแตก

2. ไม่รับรู้ ไม่สนใจอะไร ทั้งนั้น ใครจะสัญจรได้ไม่ได้ ใครจะค้าขายได้ไม่ได้ ใครจะเป็นอันตรายหรือไม่ จากผลการประท้วง และผู้ประท้วงบางกลุ่มใช้ความรุนแรง แต่แกนนำปัดความรับผิด  นอกจากผลประโยชน์ เฉพาะหน้าของกลุ่มก้อนตัวเอง เท่านั้น จึงรับชอบ  มองดู ฟังดู ก็ทราบได้ไม่ยากว่า ในสันดานของคนเหล่านี้ เป็นเผด็จการอยู่มาก แต่หลอกล่อ โน้มน้าว จ้างวาน แก่มวลชน ให้ออกมาร่วมสร้างกระแส เหมือนอันธพาล นักเลงโต ใช้กำลังข่มขู่ คนอื่นให้ทำตาม ผิดวิสัยเสรีชนที่ดี การเมืองตามข้อเรียกร้องของแกนนำเสื้อสีแดง เสื้อสีเหลือง และของนักการเมืองเกือบทั้งสภา จึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์เฉพาะหน้าของตัวเองเท่านั้น

3. แกนนำเสื้อแดงบอกว่า สภาแก้ปัญหาให้ไม่ได้ ก็ต้องออกมานอกถนน นี่ขนาด ส.ส. เอง นะ ถ้าอาศัยสภาแก้ปัญหา ไม่ได้ อย่างเราๆท่านๆ จะทำอย่างไร อันนี้เป็นปัญหาเชิงระบบ ที่โครงสร้างการบริหารจัดการ ที่เป็นแนวดิ่ง ไม่ใช่ ตามแนวขวาง ที่ง่ายต่อการประสาน ความร่วมมือ สื่อสาร เป็นเครือข่าย ข้ามไปมาได้ ระหว่างเครือข่ายได้ ดีกว่า เท่าเทียม มากกว่า

4. ในขณะเจรจากัน ทั้งสองฝ่ายพูดว่า ประเทศจะได้เดินไปได้ ถ้าเจรจากันได้ ตกลงกันได้ นัยะก็คือ แกนนำเสื้อแดง ยุแหย่ให้คนในชาติเกลียดกัน แตกแยก ร้าวลึก สร้างความบาดหมาง ไปทั่ว เคลื่อนไหว แกะกะ ระราน คุกคาม ข่มขู่ ไปทั่ว จน ประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้ หมายความว่า ชีวิต อนาคต เราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย จะต้องรอการ ลิขิต ชี้เป็นชี้ตาย จะต้องขึ้นอยู่กับ แกนนำเสื้อแดง ไม่กี่คนอย่างนั้นหรือ?? ระยำแท้ๆ

5. แกนนำเสื้อแดงดูร้อนรน เหลือคณา จะต้องให้ยุบสภา วันนี้ พรุ่งนี้ให้ได้ สุดท้ายยื่นคำขาดให้ นายก ยุบสภาภายใน 14 วัน ไม่รู้ มีวาระอะไรอยู่ หรือว่า ถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไป จะมีเม็ดเงินก้อนโต จาก"นายทุน"  เป็นค่าจ้าง ทำลายชาติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องเตรียม กฎ กติกา อะไรทั้งนั้น ทั้งความสามัคคีของคน ความคิดที่แตกแยก จนแทบจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ แค่คิดง่ายๆ เหมือนกดปุ่มก็หาย จริงๆ แกนนำก็ทราบว่าไม่หาย แต่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ในอนาคต ชองชาติ เพราะ ได้สม ประโยชน์ตัวเองแล้ว หากไม่สมประโยชน์ ก็จะออกมาเคลื่อนไหวใหม่ (ใครจะทำไม ??)

เมื่อระบบการเลือกตั้งทุกวันนี้ เป็นเหมือน ตะแกรงกรองน้ำไว้กิน น้ำที่ได้จึงไม่เหมาะที่จะดื่มกิน จึงต้องมีการปรับระบบการกรองน้ำเสียใหม่ให้ กรองน้ำไว้ดื่มกินได้จริงๆ โดยใช้ระบบการคัดกรองนักการเมือง ก็จะได้คนดีไปสร้างระบบที่ดีเพื่ออนาคตที่ดีของประชาชน ต่อๆไป

อันที่จริง ในต่างประเทศอย่างใน อเมริกาก็ค่อนข้างมีปัญหา มากๆ ในระบบการคัดเลือกคนทำงานทางการเมือง หรือ การเลือกตั้ง เพราะ กระแสทุนนิยมกักขฬะ รุนแรง แต่ก็มี สื่อกระแสหลัก ทั้งสื่อดั้งเดิม และสื่อใหม่ ส่วนใหญ่ต่างทำงานบนหลักคุณธรรมความดีงาม เมื่อเป็นเรื่องของส่วนรวม คนที่จะเข้ามาทำงานตรงนี้ก็ดี ระบบก็ดี นโยบาบสาธารณะก็ดี กฎ กติกา ต่่างๆ ก็ดี ต้องเป็นไปเพื่อสนองคนส่วนใหญ่ (Neutrality of policy) เมื่อคนที่เขาเลือกให้ไปทำหน้าที่แทนในพื้นที่สาธารณะต่างๆ นั้นกำลังทำความเสียหาย หรือมีท่าทีทำความเสียหายต่อสังคมของเขา สื่อกระแสหลัก เขากระตือรือร้นค่อยกำกับพฤติกรรม ไม่ให้คนเหล่านี้ เบี่ยงเบนไปจากที่ควรจะเป็น ถึงขั้น รุมประณาม ปลุกกระแสประชาชน จนคนเหล่านั้นไม่มีพื้นที่ที่จะอยู่อีกต่อไป และ ได้รับโทษทัณฑ์ อย่างจริงจัง  ที่แตกต่างกันระหว่างประเทศที่ด้อยพัฒนา อย่างไทยนั้น คือ สื่อกระแสหลัก ของไทย ขาดจุดยืนเรื่องหลักคุณธรรมความดีงาม โดยเฉพาะเรื่องส่วนรวม  ที่คอยกำกับพฤติกรรม คนเหล่านั้นให้อยู่กับร่องกับรอย

 เมื่อทั้งคน และระบบ หลุดหมด เกิดได้คนไม่ดี ไม่พร้อม เข้ามา ก็ยังมีสื่อกระแสหลัก นี่แหละ ค่อยจัดการเป็นด่านต่อไป แต่กรณีประเทศไทย หลุดหมด เดี้ยงหมด ปัญหาการเมืองไทยจึงตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ตลอดมา

วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี ให้รออาญา หมอวิชัย อดีต สส อุดร

ข่าว ข่าว กรณี หมอ วิชัย ชัยจิตวนิชกุล ศาลปรานีเกินไป ศาลน่าจะคำนึงถึง ตำแหน่ง ส.ส. ที่ทรงเกียรติ มีหน้าที่ออกกฎหมาย ได้สิทธิพิเศษหลายอย่าง เหนือประชาชน ซึ่งต้องรู้สำนึกรับผิดชอบ ต่อประชาชน ต่อบ้านเมือง สมควรเป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม แต่กลับหาช่องทาง ประพฤติตัวเลวทราม หาประโยชน์ใส่ตัวเองโดยไม่ชอบ โกง หลบเลี่ยงภาษี สวมทะเบียนปลอม ไม่สมควรรอลงอาญา ซึ่งจะเป็นปทัสถานให้เหล่านักโกงบ้าน กินเมือง ไม่รู้สำนึก เข็ดหลาบ น่าจะลงโทษอย่างหนัก คนแบบนี้ มีอยู่เต็มสภา เพียงแต่จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน



หมอวิชัย วิชัยจิตวนิชกุล อดีต สส อุดรธานี 1 ใน111 คนในพรรคไทยรักไทย


ข่าว บอกว่า หมอ วิชัย ที่หายหน้า หายตาไป เพราะ ได้รับการช่วยเหลือจาก รมช สาธารณสุข ไชยา สะสมทรัพย์(ตอนนั้น) ให้กลับเป็นหมอ เป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทั้งๆที่ ลาออกไปเล่นการเมืองนานนับ 10ปี นี่คือการเมือง ที่ คน(เลว)ช่วย คน (เลว) ทางการเมือง ตอบแทนกันไปมา แต่ใช้ทรัพยากร เงินภาษีของประชาชน น่าเศร้าใจ

ไม่ใช่ว่าคนที่เป็นนักการเมืองทำผิดไม่ได้ ทำผิดไม่เป็นหรอกนะ แต่ไม่สมควรกระทำความผิดต่อแผ่นดิน ที่เป็นเรื่องอุกฉกรรจ์ หากเป็นความโกรธ ทะเลาะ เบาะแวง ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ และไม่ร้ายแรงอะไร ยังพออนุโลม พอเข้าใจ พอจะให้อภัยได้

เราจะสร้างชาติ ให้ประชาชนมีการศึกษาที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดี เด็ก และเยาวชน ได้รับแบบอย่างที่ดี ได้รับโอกาสที่ดี โดยอาศัย ความรู้ ความสามารถ เสียสละ ทุ่มเท ของคนเหล่านี้ หรือ ทั้งสภา น่ะหรอ ...... ฝันเปียกไปเถอะ !!



วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

US Visa Lottery : ให้ระวังถูกหลอก

ทางการรัฐบาลสหรัฐ โดย FTC (Federal Trade Commission) ได้ออกมาเตือน ซึ่งก็เตือนไว้นานแล้ว และก็เตือนเป็นระยะๆ เพราะ สิ่งที่เราๆ ท่านๆ เห็นที่โฆษณา ตามเว็บไซต์ ใหญ่ๆด้วย เช่น Yahoo หรือเว็บไซต์ดังๆของไทยเรานั้น แหกตา ทั้งสิ้น ทำให้ท่านต้องเสียเงิน ค่าสมัคร 3-40 ดอลลาร์ หรือมากกว่านั้น ฟรีๆ เพราะเว็บไซต์หลอกลวงเหล่านี้ กิจการดี มีคนหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อ มากมาย จึงออกโฆษณาในหลายๆประเทศ หลายหลากภาษา และกล้าโฆษณาทางออนไลน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ ด้วยในบางประเทศ แม้จะเสียเงินแยะ (แต่ก็คุ้ม)



ตัวอย่างป้ายแบนเนอร์แหกตา

นโยบายของรัฐบาลสหรัฐ เรื่อง US Visa Lottery หรือ Green Card Visa Lottery หรือ ทางการเรียกว่า Diversity visa Lottery นั้น จุดประสงค์เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประเทศที่คนที่มักย้ายถิ่นฐานสู่สหรัฐอเมริกา น้อยๆ ใด้ใช้สิทธินี้ ปีๆหนึ่งจำกัดแค่ 50,000 คน เพื่อให้ได้วีซ่า ถาวร ก็จะได้สิทธิประโยชน์เกือบเีทียบเท่าอเมริกันชน ปัจจุบันนี้ สมัครได้เพียงทางเว็บ www.dvlottery.state.gov นี้เท่านั้น และฟรีครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

คนในประเทศที่หมดสิิทธิ์ในโครงการนี้ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ เม็กซิโก แคนาดา และ ฟิลิปปินส์ เป็นต้น

ขอบคุณ ข้อมูลจากเว็บไซต์นี้

วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

ยุบสภาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองได้

จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำเสื้อแดง บอกว่า่ ข้อเรียกร้องเดียวของเสื้อแดงคือยุบสภา แล้วค่อยเจรจา กัน ฮ่าๆๆๆ ไม่บ้าก็เมาน้ำลาย ไปแล้ว หมอนี่ ถ้ายุบสภาแล้วจะเจรจาหาพระแสงของ้าวทำไม (ว่ะ) นายก อภิสิทธิ์ ก็อย่าอ่อนหัด ไปรับเจรจากับคนทีี่ สร้างความวุ่นวายไม่รู้จบ ไม่มีความชอบธรรม ไม่เคารพกฎหมาย ถ้านายก อภิสิทธิ์ รับไปเจรจา ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ก็ถือว่า นายก ไม่ยึดถือหลักเกณฑ์ กฎหมาย บ้านเมือง กลัวการข่มขู่ คุกคาม แม้ปากบอกว่า่ไม่กลัว แต่การกระทำมันฟ้องครับท่าน ต่อไป นักเลงโตที่ไหน ไม่พอใจอะไรรัฐบาล ก็ไปจ้าง ไปเกณฑ์คนมา ประท้วง ขับไล่รัฐบาลให้ออกไป บ้านเมืองจะอยู่ยังไง(ว่ะ) จะเพี้ยงกันไปถึงไหน เว้นแต่ แกนนำเสื้อแดง ยุติ การยุแหย่ สร้างความบาดหมาง ในหมู่คนไทยด้วยกัน เสียก่อน อย่างเป็นรูปธรรม แล้วจึงค่อยพูดคุย และอย่ายิมยอมให้กับความไม่ชอบธรรม นี่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศนะ แม้เสื้อแดงจะไม่ยอมรับก็เพียงหยิบมือเดียว


เป็นป้ายโฆษณาของ บ.ประกิต โฮลดิ้ง

นายก อภิสิทธิ์กำลังตกหลุมพรางคนเหลื่ยมจัด นายก ควรบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และให้ทันการณ์ตามที่ให้สัญญาไว้ มิฉะนั้น การนับถอยหลัีง ในตำแหน่งนายก จะเริ่มขึ้นในอัตราเร่ง และไปอย่างไม่สง่างาม เพราะ ถูกบีบ ฐานเสียงก็หาย หดลดน้อยลง เพราะความเฟอะฟ่ะ ไม่เป็นมวย อ่อนเชิง ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ที่ดีเกินไป ใช้กับคนเยี่ยงนี้ไม่ได้แน่ เพราะจะถูก ข่มขู่ คุกคาม ถูกขับไล่อย่างกับสกั้ง

อย่างไรก็ตาม แม้นสามารถเจรจากันได้เรียบร้อยดี แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ กันได้ อีก 3 เดือนยุบสภา เลือกตั้งทั่วไปใหม่ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาทางการเมืองได้ เพราะ ต้นเหตุ หรือ รากเหง้าของปัญหาการเมืองไทย คือ คน ที่เป็นนักการเมือง ยังคงเหมือนเดิม ระบบเดิมๆ วัฒนธรรมทางการเมืองเดิมๆ ที่แก่งแย่ง กลั่นแกล้ง แตะถ่วง ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่รู้จักหน้าที่ บรรดานักการเมือง ไม่มีความตั้งใจทำงานการเมืองเพื่อประชาชน เข้ามาเพื่อแสวงหา

สมมุติ ว่าผลการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ได้เสียงข้างมาก เกินกึ่งหนึ่งของจำนวน สส จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ถามว่า พรรคเพื่อไทยจะบริหารบ้านเมืองได้อย่างราบรื่น สร้าง คุณภาพชีวิตที่ดี การศึกษาที่ดี ให้แก่ประชาชนได้หรือไม่?? โดย แกนนำคนเสื้อหลือง ไม่ออกมาประท้วง ล้มรัฐบาล

และหากพรรค ปชป. ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็บริหารราชการแผ่นดินไม่ราบรื่นอีกเช่นเดิม ก็จะเผชิญปัญหา วนไปเวียนมา ติดที่"ไฟแดง ไฟเหลือง" ไม่ถึงไฟเขียวซักที

ต้องนำระบบการคัดกรองนักการเมือง มาใช้เท่านั้น และ บูรณาการทั้งสามส่วนไปพร้อมๆกัน ถึงจะสร้างชาติได้ และปัญหาทางการเมือง จะคลีคลาย ได้อย่างรวดเร็ว และนิ่งมาก เพราะ เราจะได้คนดี มีความรู้ คู่คุณธรรม มาก่อน แล้วให้คนดีไปสร้างระบบที่ดี

เสื้อแดงป่วน ทั่วกทม รัฐบาลแค่นั่งดู ????.

การบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาล ไหนๆก็ คล้ายกัน คือไร้ประสิทธิผล ที่จะดูแลทุกข์ แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน ปาก บอกว่า การประท้วงต้องอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ ด้วยท่าทีของรัฐบาลทำนองนี้ ยิ่งทำให้คน ประท้วง ได้ใจ ท้าทาย เหลิง อยากจะทำอะไรก็ได้ไม่สนใจใคร และที่สำคัญเป็นตัวอย่างที่เลวร้าย แก่เด็กและเยาวชน นี่ก็เป็นลัทธิเอาอย่าง นี่คือฝ่ายกระทำที่ละเมิดกฎหมาย เมื่อมีกฎ กติกาให้เล่น มีวงกลมให้อยู่ แต่ผู้ประท้วง พยายามเล่นนอกวงกลม ท้าทายอำนาจรัฐ หน้าที่รัฐบาลก็ต้องดูแลจัดการผู้เล่นนอกวงกลมอย่างเด็ดขาด แต่มีเมตตาธรรม และมีหลักการ ผมรับรองว่า ถ้านายก อภิสิทธิ์ ทำตามนี้ จะได้คะแนนจากประเชาชน ทั่วประเทศ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะ กล้าหาญ อยู่ข้างคุณธรรม ความเดือดร้อนประชาชน และเป็นหน้าที่ด้วย แต่รัฐบาลก็คือนักการเมืองที่จ้องแต่ ตีกิน ตามกระแส แต่ไม่กล้าหาญกระทำสิ่งที่ถูกต้อง และควรกระทำ บ้านเมืองก็จะเป็นอย่างนี้อย่างไม่มีที่สิ้่นสุด ท่านนายก อภิสิทธิ์ บอกว่า จะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุแบบนี้อย่างไม่สิ้นสุด ไหนล่ะ ??? ได้แต่โม้ไปเรื่อย

ืื่ท่าทีที่ชัดเจนของประชาชน และสื่อต่างๆ ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแ่รง โดยมีกลุ่ม ต่างๆ ออกมารณรงค์อย่างต่อเนื่องนั้น เป็นตัวกำกับพฤติกรรม แกนนำผู้ประท้วงไม่ว่าเสื้อสีไหน หากก่อเหตุ รุนแรงก็จะถูกประชาชนต่อต้านโดยทันที อย่างเมื่อเดือนเมษายน ปีที่แล้ว ก็เป็นบทเรียนให้กับกลุ่มแกนนำเสื้อแดงมาแล้ว คราวนี้จึงไม่กล้าทำอีก ในทำนองเดียวกัน หากท่านนายก อภิสิทธิ์ ใช้กฎหมาย ปราบ จับ คนเล่นนอกวงกลม อย่างเด็ดขาด อย่าเกรงกลัวต่อจำนวนผู้ประท้วง เรือนหมื่น เรือนแสน ถ้า รัฐบาลกล้าหาญ ก็จะไม่เกิดมีการรวมตัวกันมากมายขนาดนี้ นี่เป็นเพราะ รัฐบาลไม่ทำอะไร ได้แต่ขอร้อง เหมือน ประชาชนที่ถูกขโมยยกเค้าทรัพย์สิน แล้วขอร้อง โจร ว่าอย่า มาอีกเลย ได้เรื่องมั๊ยครับท่านนายก ??

ขอยืนยันอีกครั้งว่า ต่อไปจะไม่มีใครกล้าเล่นนอกวงกลมอีก เพราะ จับจริง ติดคุกจริง รัฐบาลเอาจริง และได้ใจประชาชนที่รักสงบ รักความถูกต้อง รักความยุติธรรม ทั่วประเทศแน่นอน แต่....... เมืองไทยมีแต่นักการเมืองมือสมัครเล่น ทั้งน้านนนนนน ....เวรของกรรม ผ่าซี !!




ถ้าสื่อกระแสหลัก ไม่ต้องเข้าข้างใคร มีจุดยืนบนหลักคุณธรรมความดีงาม เพื่อสังคมที่ผาสุก และกำกับพฤติกรรมนอกวงกลมของนักการเมือง ให้เล่นอยู่ในวงกลม เหตุการณ์บ้านเมืองจะไม่เป็นอย่างเช่นปัจจุบันนี้แน่นอน


วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

ม๊อบเสื้อแดงบุก ตลาดหลักทรัพย์: เพราะนายทุนเสื้อแดงขาดทุนที่หุ้นไม่ตก???

กรณีที่มีคนกลุ่มหนึ่งประมาณ 50 คน เป็นม๊อบเสื้อแดง บุกตลาดหลักทรัพย์ ยื่นหนังสือต่อ ผจก. ตลท. ประท้วง ว่า ทำไมหุ้นถึงไม่ตก กลับขึ้น ทั้งๆที่กำลังมีม๊อบเสื้อแดงประท้วง สร้างความวุ่นวายอยู่ สงสัย รมต.คลัง กรณ์ จาติกวนิช เอาเงินภาษีประชาชนไปซื้อหุ้น หรือไม่? (ข่าว)


ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่า คงมีนายทุนเสื้อแดงบางกลุ่ม บางคน ขายหุ้นออกไปแล้ว จำนวนมาก หรือ ทำการ short sell against portfolio(ทำสัญญาขายหุ้นออกไปก่อน จะกลับเข้าซื้อหุ้นส่งคืนตามสัญญา โดยคาดว่าหุ้นจะตกแรง) ก็เลยว่าจ้างวาน ม๊อบกลุ่มหนึ่งไปประท้วง หาเรื่อง เพราะ กลุ่มตัวเอง ขาดทุนจำนวนมาก

อยากจะให้ ทาง ตลาดหลักทรัพย์เข้าทำการตรวจสอบ บุคคล หรือกลุ่มบุคคล ในช่วง ก่อนหน้า ม๊อบเสื้อแดง ประท้วง 7 วัน ว่ามีใครขายหุ้นออก ไปจำนวนมากๆ หรือไม่ ? หาความเชื่อมโยง เพื่อดูความผิดปรกติ ของกลุ่มบุคคลดังกล่าว อาจพบพฤติกรรม กลุ่มบุคคลดังกล่าว กับ แกนนำม๊อบ หรือ ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ทำผิดกฎหมาย ตลาดหลักทรัพย์ เข่น ร่วมกันวางแผนให้เกิดความวุ่นวาย ก่อวินาศกรรม ยิง เอ็ม 79 เป็นต้น แล้วหวังว่า ตลาดหุ้นจะผันผวนอย่างหนัก กลุ่มตัวเองจะได้ประโยชน์

เป็นเจตนาร้ายต่อบ้านเมือง ของคนเสื้อแดง เพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้าตัวเอง




วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

สื่อกระแสหลักกับ หลักคุณธรรมความดีงาม

ทุกปัญหา ที่เป็นเรื่องของสาธารณะ ที่มีผลกระทบกับสังคม คนหมู่มาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง กองบรรณาธิการสื่อกระแสหลัก ต้องมีจุดยืน ที่อยู่บนหลักคุณธรรมความดีงาม ไม่ว่าใคร ฝ่ายไหน จะทำสิ่งที่ผิดเพี้ยน เบี่ยงเบียงไปจาก หลักการนี้ ต้องได้รับการคัดค้าน ทักท้วง ไปจน ประณาม เพื่อให้คนในสังคม ได้ตระหนัก อย่างต่อเนื่อง และจริงจัง เพราะ ประชาชนทั่วไปไม่มีพื้นที่มากพอ ที่จะแสดงออกถึงสิ่งเหล่านี้ได้ (เนื่องจากสื่อใหม่ ยังไม่มีพลังมากพอ-เติมโตช้าอยู่มาก แต่คงไม่นาน จะมีพลังมากแน่นอน)


ภาพจาก เอพี: ขวดเลือดที่กลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดงได้จากผู้ประท้วงด้วยกัน จะนำไปเทหน้าประตูรัฐสภา

เรื่องความเป็นกลาง ที่สื่อกระแสหลักมักอ้างนั้น ไม่มีอยู่จริงในทางปฎิบัติ ตั้งแต่มนุษย์รู้จักใช้วิจารณญาณแล้ว เพราะว่า มนุษย์ ทุกคนไม่มีบทบาทดียวในชีวิตจริง มีทัศคติ เช่น บทบาทคนเป็นพ่อแม่ พลเมืองที่ดีของประเทศ ครู อาจารย์ ตำรวจ ทหาร นักการเมือง ชาวนา ชาวไร่ พ่อค้า ซึ่งคนคนหนึ่งมีบทบาทอย่างน้อยสองบทบาท เป็นต้น แต่สิ่งหนึ่งที่ คนทุกคน ทั้งโลกนี้ที่ต้องยึดถือ ที่เป็นจุดร่วมกันก็คือ หลักคุณธรรมความดีงาม เพื่อให้สังคมอยู่กันได้อย่างผาสุก

ส่วนการรายงานข่าวของนักข่าว ณ สถานที่เกิดเหตุ สด หรือแห้งก็ตาม นั้น ก็รายงานตามข้อเท็จจริง ในสนาม ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ? ส่วนกองบรรณาธิการข่าวต่างๆนั้น จะต้องบริหารจัดการข่าวสาร พื้นที่สื่อ ให้เหมาะสมโดยเหนือสิ่งอื่นใด ต้องยึดหลักคุณธรรมความดีงาม ของบ้านเมือง เพื่อความสงบสุข ของสังคม นี่คือสื่อที่ดี ที่มีคุณภาพ รับผิดชอบ

ยกตัวอย่างเช่น กรณีคนเสื้อแดงประท้วงอยู่ขณะนี้ จริงอยู่เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญให้ทำได้ แต่ภายหลังที่ทราบข้อเรียกร้องของแกนนำเสื้อแดง ในครั้งนี้แล้ว ถามว่า หากยุบสภาแล้ว ปัญหาหมดไปหรือไม่ ??
ก็ยังคงมีอยู่ ซึ่งปัญหาทางการเมือง ไม่เกี่ยวกับการยุบสภาและแค่เลือกตั้งใหม่ และก็ไม่เคยเห็นการเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา กองบรรณาธิการข่าว จะต้องประณาม แกนนำคนเสื้อแดง ที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไม่รู้จบ เป็นแบบอย่างที่เลวร้ายให้แก่เด็กและเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง หรือกรณีแกนนำคนเสื้อเหลือง ก่อนหน้านี้ก็ตาม กรณีนั้นยิ่งเลวร้ายมาก บุกยึดสถานที่ราชการ ต่างๆด้วย ต้องประณาม อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง พร้อมกับ แนะนำให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เช่น ชุมนุมอย่างสันติเท่านั้น และ ข้อเรียกร้องต่างๆ ที่ยกขึ้นมานั้นมีความชอบธรรมหรือไม่ ?? ถ้าชอบธรรม อีกกี่สิบปีก็ยังชอบธรรมอยู่ บางครั้งการเรียกร้องอะไรไม่ได้รับผลตามข้อเรียกร้องทันที ทันใด โดยเฉพาะทางการเมือง จึงต้อง มุ่งมั่นในหลักการ คือข้อเรียกร้องต้องมีความชอบธรรม และ สันติวิธี

สื่อกระแสหลัก อาจไม่ใช่เป็นคนแรกที่จุดประเด็นในปัญหาต่างๆ แต่เป็นหัวหอก และมีพื้นที่ ในการรณรงค์ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ในหลักคุณธรรมความดีงาม ให้แกนนำเสื้อสีต่างๆ หรือใครก็ตามที่คิดจะก่อความวุ่นวาย หรือเรียกร้องอะไร แล้วละเมิดสิทธิของคนอื่น ได้ตระหนัก ว่า ถ้าหากยังจะกระทำความวุ่นวายอยู่อีก ท่ำให้บ้านเมือง ผลประโยชน์โดยรวมเสียหาย เสื่อมเสียอยู่อีก จะต้องได้รับการประณาม และ เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาบังคับใช้กฎหมาย โดยทันที

บทบาทของเราทุกคนในระบอบประชาธิปไตย เหมือนมีวงกลมให้แสดง ไม่ใช่ขีดเส้นให้่เดินตามเส้นทางที่ขีดไว้ หากมีใครตั้งใจจะเล่นคาบเส้น หรือ นอกวงกลม ก็จะมีคนในสังคมตักเตือนกันเอง(self-regulation) ก่อน อันนี้สื่อกระแสหลัก จะมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ในการกำกับพฤติกรรมของ คนที่ทำงานสาธารณะ และหากยังเห็นมีพฤติกรรมเล่นนอกวงกลมอยู่อีก บ่อยๆ ก็จะมีเรื่องของกฎหมาย บ้านเมืองเข้ามาจัดการดูแล เพื่อให้สังคมอยู่กันอย่างผาสุก

อันที่จริง การเรียกร้องของแกนนำทั้งสองสี ต่างก็ข้อเท็จจริงอยู่ ที่ต้องได้รับการแก้ไข ตามข้อเรียกร้อง (แต่แกนนำทั้งสองสี ก็ไม่ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืนได้) แต่ไม่ใช่ทั้งหมด และ แนววิธีการในการเรียกร้อง ที่ยุแหย่ให้คนในชาติเกลียดกันเอง แตกแยก ร้าวลึก จนเป็นปัญหาซ้อนปัญหา ก็ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง และสมควรกระทำ

สื่อกระแสหลักต้องเลือกข้าง.... ไม่ใช่ข้างกลุ่มสีหนึ่งสีใด แต่เป็น....ข้างคุณธรรมความดีงาม



วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

ขอไว้อาลัย พ.ต.อ. สมเพียร เอกสมญา: อีกหนึ่งใน เกือบ ห้าพันคนที่เป็นเหยื่อของนโยบายที่ผิดพลาด ในการแก้ปัญหาความรุนแรงในภาคใต้

การเสียชีวิต ของ พ.ต.อ. สมเพียร เอกสมญา เป็นหนึ่งในหลายๆตัวอย่าง ที่เสียชีวิต จากการปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ ที่ผู้ออกนโยบาย แก้ปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ นอกจากไร้ความเป็นธรรมแล้ว ยังไร้ซึ่งความเข้าใจในปัญหาของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ในนโยบาย ดับไฟใต้ อย่างที่เคยเขียนถึงมาแล้วหลายหน ที่ใช้ความรุนแรงของกำลังนักรบ ทหารนักฆ่า ไปตับไฟใต้ ใช้ภาษีประชาชนเป็นหมื่นๆล้าน จัดซื้ออุปกรณ์ ที่ไร้ประสิทธิภาพ ที่แพงเกินเหตุ แต่สภาพปัญหา เหตุการณ์ไม่ได้ทุเลาเบาบางลงแม้แต่น้อย ปวดร้าวใจจริงๆ ที่มีผู้นำ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ที่หลงเชื่อว่า "ใช้ไฟดับไฟ" เหมือนที่เชื่อว่า ไม้ล้างป่าช้าตรวจหาระเบิดได้ มีแต่อวิชชา และอัตตา !!


วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

น.ส.พ.ไทยรัฐพาดหัวข่าว บิดเบือนข่าวอย่างน่าละอาย


น.ส.พ. ไทยรัฐ ฉบับวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2553 แต่ออกตอนบ่ายวันอาทิตย์ เจตนาบิดเบือนข่าว โดยพาดหัวข่าวว่า "เสธ.แดง พา เคทอง เข้ามอบตัว" โดยข้อเท็จจริง เสธ. แดง แค่มาตรวจสอบความคืบหน้าคดี เคทอง อาจจะคิดไว้จะส่งมอบตัว แต่ก็ยังไม่ได้ให้เคทอง ลงจากรถตู้เพื่อพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่ง เคทอง ถูกออกหมายจับตัวอยู่ ถ้าตั้งใจพาเคทอง เข้ามอบตัวจริงก็ต้อง ให้เคทองลงจากรถ ไปพบเจ้าพนักงาน ไม่ใช่นั่งเอาหนังสือพิมพ์ปิดหน้าตา หลบอยู่ในรถตู้ที่สวมทะเบียนปลอม พร้อมชายฉกรรจ์ พกพาอาวุธปืนครบมือ


เจตนา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐบิดเบือนข่าวนี้เพื่ออะไร ?? และ เจตนาออกเป็นกรอบเช้าวันจันทร์ ของต่างจังหวัด ด้วย คงจะต้องการสื่อสารข่าวที่บิดเบือนนี้ ไปสู่พี่น้องเสื้อแดง ที่อยู่ ต่างจังหวัด ให้เห็นอก เห็นใจ เสธ แดง เคทอง และ พวก ว่าสื่อทุกสื่อ ที่ออกข่าวนี้ไป ไม่ถูกต้อง เสธ. แดงพาเข้ามามอบตัวเอง ไม่ได้ถูกจับ ถ้ามองให้ลึกแล้วบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ต้องการสร้างกระแส ให้กับตัวเองในหมู่คนเสื้อแดง โดยการบิดเบือนข่าว จรรยาบรรณหายไปไหน...(ว่ะ)

กองบรรณาธิการข่าวไทยรัฐ นอกจากจะไม่มีจุดยืน ในเรื่องความถูกต้อง คุณธรรมความดีงามแล้ว ยัง บิดเบือนข่าวอีก น่าทุเรศมาก บ้านเมืองกำลังลุกเป็นไฟ ต้องการสื่อที่ยืนอยู่ข้างคุณธรรมความดีงาม เพื่อให้ กลุ่มคนที่ สร้างปัญหาให้บ้านเมือง ไม่ว่าใคร เสื้อสีอะไร ได้ตระหนัก ในพฤติกรรม ที่สังคมรักสงบไม่เอาด้วย โดยสื่อเป็นหัวหอก ประณาม แต่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ กลับปกป้อง คนมีหมายจับ คนที่พกพาอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต คนที่สวมทะเบียนปลอมรถตู้ คนที่พร้อมที่จะก่อความรุนแรงให้กับบ้านเมือง

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐเป็นสวะ่ของสังคมไทย จริงๆ

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

รัฐบาลไร้ความสามารถ หรือไม่??

ผมให้กำลังใจ นายก อภิสิทธิ์ ตั้งแต่อดีต จวบจนปัจจุบัน อย่างน้อยก็แอบหวัง ท่ามกลาง เหล่านักการเมือง พรรคการเมือง ระบบการเมือง ที่ไร้ซึ่งอนาคตในการสร้างชาติ สร้างคุณภาพการศึกษา สร้างงานที่ดี ตลอดจน ทำให้คุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน

ภาพ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังชนะการเลือกตั้ง ก่อนได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี

ผมไม่ห่วง เรื่อง การไม่ซื่อสัตย์ จริยธรรม หลักการ และ ความเป็นนักประชาธิปไตย ของนายก อภิสิทธิ์ แต่ ห่วงเรื่องภาวะผู้นำ (Leadership) ของท่านนายก และ พฤติกรรม พฤติการณ์ รัฐมนตรี และนักการเมืองคนอื่นๆ ....น่าห่วงมาก จาก ข้อเขียน เรื่อง ขอแย้ง คุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา ก่อนหน้านี้เรื่อง ผลกระทบของอำนาจการเมืองต่อสังคมไทย และ หัวข้อ นายก อภิสิทธิ์ : You Can Lead , But Can You Inspire?

เมื่อนักการเมือง หรือใครก็ตาม ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิด ทั้งๆที่มันผิด จะด้วยมาตรฐาน ค่านิยม วิธีคิด(ที่คิดว่า เงินซื้อได้ทุกอย่าง) ที่แตกต่างกัน เช่นที่ คุณทักษิณ ที่ยังไม่ยอมรับผลการตัดสินของศาล ทั้งๆที่ศาลท่าน มีทั้งหลักฐาน แจกแจงรายละเอียดได้ดีมาก หรือก่อนหน้านี้ ก็ตาม นั่นเป็นเพราะ คุณทักษิณ และคนไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะ คนเสื้อแดง แยกไม่ออกระหว่าง ความเป็นธรรมที่ต้องมีทั้งคุณธรรม จริยธรรมด้วย กับความพอใจ ถ้าถูกใจตัวเอง สมประโยชน์ตัวเอง ก็คือเป็นธรรม หรืออย่างไร? เรียกว่า เอา่ความคิดตัวเองเป็นมาตรฐาน เป็นใหญ่ ชี้วัดคนอื่นด้วย หากความคิดคนอื่นไม่ตรง หรือขัดแย้ง กับความคิดตัวเอง ก็ ไม่ถูกต้อง เช่น พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อ้างว่า มีคน มีผู้มีอิทธิพล อยู่เบื้องหลังการตัดสินคดีนี้ (ข่าว) อย่างนี้ เข้าทำนอง นิทานอิสป หมาป่ากับลูกแกะ พยายามหาความชอบธรรม เพื่อปลุกกระแส หา แนวร่วมทำสิ่งที่กลุ่ม พรรคพวกตัวเอง อยากให้เป็นไป

เมื่อคนไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิด ก็จะคิดว่า ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม และเลือกที่จะแสดงออก หลากหลายรูปแบบ แล้วแต่ กำลัง ความสามารถ และ บุคคลิกภาพของแต่ละบุคคล เราไม่มีทางรู้ว่าคนเหล่านี้จะแสดงออก ก้าวร้าวรุนแรงแค่ไหน จะทราบก็ต่อเมื่อผลเสียหายมันเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐสามารถทำได้ โดยการเข้าจับกุม ขุมขัง ผู้ละเมิด ทันที อย่างมีเมตตาธรรมและ มีหลักการ

การออกมาพูดผ่านคลิป ของ อ.เคทอง หรือ คำขู่ของ เสธ.แดง หรือ การปิดถนนประท้วงของประชาชน จนกลายเป็นลัทธิเอาอย่าง หรือ คนเสื้อเหลือง คนเสื้อแดง จับกลุ่มกับไปละเมิด ขัดขวาง นายกรัฐมนตรี(เห็นภาพ นายกฯไทย 2-3 คน ปีนรั้วหนี หลบหนี กลุ่มม๊อบแล้ว น่าสมเพท) หรือรัฐมนตรี ทำกิจกรรม ภาระกิจ ในที่ต่างๆ นั้น มันละเมิดสิทธิกันชัดๆ ทั้งทำลายความสงบสุขของประชาชน แต่ไร้วี่แววที่ทางการ เจ้าหน้าที่จะจัดการ ปล่อยปละละเลย ผ่านพ้นไปวันๆ แล้วบอกว่า ขอความร่วมมือ ช่วยแจ้งเบาะแส สิ่งที่เห็นอยู่ทนโท่ ชัดแจ้ง เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ยังไม่ทำอะไรเลย เราในฐานะผู้เสียภาษี จะหวังอะไรได้ จากนักการเมือง

บ้านเมืองไทยขณะนี้เปรียบเสมือน รัฐรู้ว่า มีหมาบ้า หลุด พ่าน อยู่บนท้องถนนหลายฝูง หลายตัว แต่ไม่จัดการอะไรเลย ปล่อยให้หมาบ้าเหล่านี้ไล่กัด ประชาชน ก่อน แล้วก็บอกกับประชาชนว่า ถ้าพบหมาบ้าที่ไหน ช่วยแจ้้งทางการด้วยนะ เพี้ยนหรือเปล่า ครับ....ท่านนายก ??