พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้ใจดี
การวิสามัญ 6 ศพ (ข่าว) ที่ยะลา อันนี้เป็นตัวอย่างล่าสุด กรณีตากใบก็ทำนองเดียวกัน เจ้าหน้าที่ กระทำรุนแรง ไร้เหตุผล ต่อ คนในพื้นที่ หรือ ผู้ก่อความรุนแรง ที่อยู่ในบ้าน ออกไปไหนไม่ได้ หนีไม่ได้แล้ว หากเจ้าหน้าที่ แค่ล้อมไว้ อดทน อดกลั้น กระทำต่อผู้อื่นด้วยเมตตา(อย่าจับตาย) สุดท้ายผู้ก่อความรุนแรง ก็ ออกมามอบตัวเอง ไม่มีความจำเป็นใดๆ เลย ที่จะไปฆ่าเขา อ้างว่า ถูกยิงก่อน ก็ไม่สมควรวิสามัญเขา หากยังใช้ให้ "ทหารนักรบ" เป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหา นอกจากจะแก้ไขไม่สำเร็จแล้ว ยังจะบานปลาย สร้างเงื่อนไขให้องค์กรไม่พึงประสงค์ภายนอกประเทศ เข้าร่วมขบวนการกับผู้ก่อความรุนแรงได้
ตามที่ผมเคยพูดถึงบ่อยๆ อันนี้สื่อกระแสหลักก็ไร้สำนึก ที่จะหาความจริง ในมุมมองของสิทธิมนุษยชน ว่าเจ้่าหน้าที่สมควรกระทำ หรือไม่ และควร ลงโทษ ผู้กระทำอย่างไร จะได้หยุดพฤติกรรมเยี่ยงนี้อย่างถาวร ถ้าสื่อยังเป็นแบบนี้ ก็เป็นได้แค่ หมาขี้เรื้อนที่เห่า เบาๆ แล้ววิ่งไปเล่น อย่างอื่น หรือไปแอบซ่อนตัว
เจ้าหน้าที่รู้ดี ยังให้ข่าว ทำนองว่า หลัง การวิสามัญนี้ ต่อไป ผู้ก่อความไม่สงบจะ ทวีใช้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นแน่ ให้ทุกคนเตรียมตัวไว้ อันนี้บ่งบอกอะไร ? บอกว่า ผู้ก่อความรุนแรง ในพื้นที่ เครียดแค้น โกรธแค้น เจ้าหน้าที่แน่ แต่ ทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะทหารนั้น ยากกว่า ทำร้ายชาวบ้าน (เหยื่อ) วิธีการทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่รัฐกำลังกระทำอยู่นั้นผิด มันเหมือนกับ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แรงมา ก็แรงไป ไม่ได้แก้ปัญหาหรอก แบบนี้น่ะ แม้แต่การข่าวยังทำไใม่ได้เลย เพราะ ชาวบ้าน คนในพื้นที่ ไม่ไว้ใจ กลัว ไม่เป็นพวกด้วย แถมยัง เป็นผู้ก่อความรุนแรงเสียเอง ในบางพื้นที่ แค่นี้ก็จบแห่แล้ว ท่านนายก อภิสิทธิ์ รู้รึเปล่า ? เสียดายภาษี จริงๆ
ผมเสนอให้ใช้พลเรือน ที่เข้าใจปัญหาและมีเมตตา ในการแ้ก้ไขปัญหา เช่น คนอย่าง ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ท่านหมอ ประเวศ วสี หรือ คุณหมอ พรทิพย์ เป็นต้น แล้วให้อำนาจ และ เงิน ท่านเหล่านี้ ่จัดตั้งทีม บริหาร นำ ทหาร ตำรวจ อีกทอดหนึ่ง ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ ใช้กำลังปราบปรามให้น้อยที่สุด ใช้สานเสวนา พัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา ดึงความเป็นธรรมในสังคมที่หายไปนาน คืนให้เขา ปรับเปลี่ยน ท่าที ทัศนคติ ของเจ้าพนักงาน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งหมด ทำจริงจัง ต่อเนื่อง ก็ต้องใช้เวลา 3- 5 ปี รับรองได้ สำเร็จ
กลับมาเรื่อง นครปัตตานี (ข่าว) แนวคิด พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เคยเสนอ ทฤษฎี "ดอกไม้หลากสี" ถอยคนละก้าว (ผมได้เคยเขียนถึงไว้) ยังไม่ถึงเวลา เพราะ ประเทศไทยต้องได้คนดี มาก่อน(ผ่านระบบบการคัดกรองนักการเมือง) เพื่อให้ได้คนดีและเก่ง มาสร้างระบบที่ดี ก่อน เมื่อ พร้อมแล้ว จึงค่อย คิดเรื่องนี้กัน ก็ยังไม่สาย มิฉะนั้น จะเหมือนกับ การกระจายอำนาจ สู่การปกครองส่วนท้องถิ่น ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 78 วรรค 3 ที่คนก็ไม่พร้อม ระบบก็ไม่ดี (ยังไม่มีระบบการคัดกรองนักการเมือง) ก็เท่ากับ กระจาย การโกงกินลงสู่รากหญ้า ลงลึก ยิ่งแก้ไขการโกงกินยากเป็นทวีคูณ
คนในพื้นที่ สาม จังหวัดภาคใต้ เรียกร้อง ต้องการให้เจ้าหน้าที่รัฐ ดูแล ใส่ใจทุกข์ สุข และให้ความเป็นธรรม อย่างจริงใจ และจิงจัง ให้เข้าใจ เข้าถึง และช่วย ส่งเสริมพัฒนาเขา ให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี อย่าไปรังแกเขา เพราะเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างเงื่อนไข แล้วรังแกเขา เพียงเท่านี้ ก็ เพียงพอแล้่ว ไม่ต้องถึงขนาด ยกให้ไปปกครองกันเอง ถ้าคนยังไม่พร้อม ก็ไร้ประโยชน์ เท่ากับ เฉไฉ กลบเกลื่อนปัญหาเดิม แล้วสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา อย่าจัดการงานนอกสั่ง อีกเลย ครับ
อุปมา คนไทยทุกวันนี้ จำนวนหนึ่ง เหมือนเด็ก 8 ขวบ 9 ขวบ ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังไม่พร้อม อะไรเลย (ไม่มีวิจารณญาณ) และโชคร้าย ทีี่่มีผู้ปกครอง(นักการเมือง) ทั้งขี้เหล้า เมายา เล่นการพนัน โกหกเก่ง เด็ก 8-9 ขวบ ก็ถูกปลุกปั่น ด้วยข้อมูลเท็จบ้าง จริงบ้าง จากคนแปลกหน้า(แกนนำเสื้อสีต่างๆ) อุปโลกน์ ตัวเอง หลอกเด็ก ว่าจะหาทางให้ได้เรียน ดีดี กินดี อยู่เป็นสุข มีเงินใช้แยะๆ ล้วนแล้วแต่เป็นลมลวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น