Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ข่าวดี นายก เปิดงาน "ไทยสร้างสรรค์ไทยเข้มแข็ง"

เมื่อเช้านี้ ได้ดูข่าวท่านนายก อภิสิทธิ์ เปิดงาน "ไทยสร้างสรรค์ไทยเข้มแข็ง" ว่าด้วยเรื่องนโยบาย จะมุ่งสร้างสรรค์เศรษฐกิจไทย ไปสู่ระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์(creative economy) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที 12%ของ จีดีพี เป็น 20% ภายในปี 2555 นับว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีพันธะสัญญาอีก 12-13 ข้อ พร้อมจัดสรรงบประมาณจาก "ไทยเข้มแข็ง" อีก 20,000 ล้านบาท อันนี้ที่อยากเ็ห็น อยากให้ท่านนายก อภิสิทธิ์ ให้ความสำคัญ พราะจะสร้างงานระดับ"มันสมอง" มากมาย ถ้าจะเทียบเป็นรูปแบบธุรกิจก็เป็นแบบที่ 3 กล่าวคือ

รูปแบบที่1 ทำมากได้น้อย (More for less) หรือ ทำด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา(Sweat and tear ) เช่นงานประดิษฐ์ประดอย งานพื้นๆ ต่างๆ
รูปแบบที่2 ทำมากได้มาก(More for more )หรือ ใช้สมองด้วย ใช้แรงมากด้วย(Sweat and brain) เช่นงาน ในวงการอุตสาหกรรมต่างๆ มีโรงงานผลิตคราวละมากๆ แต่ ไม่ค่อยมีมูลค่าเพิ่ม(Value added) ในชิ้นงาน รับจ้างผลิต ต่างๆ ต้องคิดรูปแบบธุรกิจใหม่ แล้วค่อยๆสร้างสรรค์คุณค่า (Value creation)
รูปแบบที่3 ทำน้อยได้มาก(Less for more)หรือ ใช้สมอง ฉกฉวยโอกาส(Brain and opportunity) สร้างความได้เปรียบจากการแข่งขันโดยการสร้างตราสินค้า มียี่ห้อของตัวเอง ได้แก่งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ มีนวัตกรรม งานวิจัยต่างๆ ไม่เหมือนใคร ยากที่คนอื่นจะลอกเลียนแบบได้

รัฐบาลในฐานะที่เป็นคนกำหนดนโยบาย(Policy maker) ต้องสร้าง กฏเกณฑ์ ทิศทางให้ชัดเจน และ เป็นพื้นที่สาธารณะ อย่าเอนเอียงให้ประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ จะต้องใส่ใจเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอะไร บ้างให้ทัดเทียมประเทศอื่นๆ เช่น สร้างโครงข่าย อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์(Internet broadband infrastructure) โอกาสในการเข้าถึง ทั่วถึง โดยเร็ว มีคุณภาพ และมีราคาถูก

รัฐบาลอยากเก็บภาษีจากคนหาเช้ากินค่ำ คนทำงานพื้นๆ หรือว่า คนจำพวก Green collars ดีล่ะ??

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ค่าเฉลี่ยความเร็วอินเตอร์เน็ตในอเมริกา 5.1 Mbps



จากรายงานล่่าสุดของ Speedmatters.org บอกว่า เมื่อปี 2008 ค่าเฉลี่ยความเร็วการใช้อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์(Internet broadband)ในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 4.2 Mbps ปี 2009 เพิ่มมาอยู่ที่ 5.1 Mbps จากตัวเลขนี้ รายงานบอกว่า ตามหลังประเทศเกาหลีใต้อยู่ 15 ปี !! ในรายงานยังบอกด้วยว่า เวลาใช้งานอินเตอร์เน็ตจริงๆนั้น ความเร็วที่ใช้ได้นั้นไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้ให้บริการบอก

จากรูปด้านบนอัตราการใช้ Internet broadband เพิ่มมากขึ้น สวนทางกับ อินเตอร์เน็ตความเร็วต่ำ หรือ narrow band สำหรับประเทศไทยอัตราผกผันนี้ดำเนินไปอย่างช้ามากๆ ต่างจากประเทศอื่นๆ

ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Barack Obama เมื่อปลายปี 2008 ได้จัดสรรงบประมาณ 4 พันล้านเหรียญให้กับ อินเตอร์เน็ตบรอดแบน ด์(ข่าว) เร่งให้เข้าถึงชนบทห่างไกล ให้ได้ใช้บรอดแบนด์ ได้อย่างทั่วถึงภายใน 2 ปี

ออสเตรเลีย ก็เช่นเดียวกัน เมื่อต้นปีนี้ นายกรัฐมนตรี Kevin Rudd ได้จัดงบประมาณ 31 พันล้านเหรียญ ยูเอส ภายใน 8 ปีเพื่อให้คนออสเตรเลียได้ใช้ อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ได้โดยทั่วไป(ข่าว)
สำหรับประเทศไทยนั้น ผมเคยเขียนถึงครั้งหนึ่ง มีแต่อดีตนายก ทักษิณ ที่มองเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีด้านอินเตอร์เน็ต

คนสระบุรีส่วนหนึ่งโพสข้อความว่า พวกเราต้องการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง

จะเห็นได้ว่า รัฐบาลในหลายๆประเทศ เล่งเห็นความสำคัญ จึงลงมาให้เงินอุดหนุนโครงสร้างพื้นฐาน ดูแลสร้างความเท่าเทียม ในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง และที่สำคัญ มันเป็นนโยบายสาธารณะ เป็นพื้นที่สาธารณะ เพื่อคนไทยทุกคน และดูแลอย่าให้ใครรุกล้ำ เอาเปรียบ ได้ประโยชน์บนพื้นที่สาธารณะ โดยคนของรัฐ หรือนโยบายของรัฐ ที่ไม่เป็นธรรม

ประเทศไทยวิกฤตอย่างทุกวันนี้ก็เพราะสาเหตุสำคัญแรกๆมาจาก เจ้าหน้าที่รัฐ นโยบายสาธารณะของรัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้แก่คนบางพวก บางกลุ่ม สร้างความไม่เป็นธรรมในสังคมมาเนินนาน จนเป็นค่านิยม เห็นเป็นเรื่องปรกติธรรมดา เพราะ เมื่อเองทำได้ ข้าก็จะหาโอกาสทำบ้าง กัดกินความมั่งคั่งของชาติ ของประชาชนไปไว้กับกลุ่มก้อนของตัวเอง

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"ไทยเข้มแข็ง"สร้างงานใหม่ 3 ล้านตำแหน่งในปี 2555...งานแบบไหน ?

คงเคยเห็นโฆษณา ท่านนายกอภิสิทธิ์ เป็น presenter โฆษณา สร้างงาน 3 ล้านตำแหน่งใน 3 ปี
การที่ท่านนายก อภิสิทธิ์ ออกนโยบายไทยเข้มแข็ง โดยการกู้เงิน 400,000 ล้านบาท (ข่าว)(ข่าว) ภายในปี 2555 จะสามารถสร้างงานให้กับประชาชนได้มากถึง 3 ล้านตำแหน่ง นั้น น่าดีใจ ถือว่า มากทีเดียว ขอตั้งคำถามเดียวว่า........
งาน 3 ล้านตำแหน่งนั้นเป็นงานประเภทไหน? งานใช้แรงงาน ขายแรงงานหรืออย่างไร? มีตัวเลขงานวิจัยไหม ว่าจะเป็นงานประเภทไหน กี่เปอร์เซ็นต์ เช่น งาน ระดับใช้กำลังแรงงานกี่เปอร์เซ็นต์ ใช้มันสมองกี่เปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญ มีกี่เปอร์เซ็นต์ที่เป็นแรงงานในระดับ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ creative economy แต่ถ้าให้ผมวิเคราะห์ดูจากการจัดสรรเม็ดเงิน ไปตามโครงการต่างๆ กว่า 400 โครงการนั้น น่าจะเป็นงานพวกใช้แรงงานมากมาย หรือเกือบทั้งหมด นั่นหมายความว่า รัฐบาลท่านนายก อภิสิทธิ์ โดยมีันายกรณ์ จาติกวนิช เป็นรมต.คลัง สร้างงานด้าน กรรมกร หรืองานพื้นๆ ของประเทศ ที่จะไปสร้างกำลังซื้อภายในประเทศน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับงานในระดับเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ หรือ creative economy
ทำให้มองเห็นว่า วิสัยทัศน์ ผู้นำประเทศไทย นักการเมืองไทยเป็นอย่างไร จะสร้างชาติ ในอนาคตอย่างไร จะเตรียมคนภายในประเทศเพื่อไปแข่งขัน แย่งชิงงาน รักษางานตนเอง หรือแม้แต่ ส่งแรงงานมันสมองชั้นเลิศไปนอกประเทศได้อย่างไร

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ หากจะใช้เงินกู้มากมายมหาศาลแล้วได้กรรมกร แทนที่จะได้นักประดิษฐ์ นักนวัตกรรม นักการตลาด บนสังคมฐานความรู้ ถือว่ารัฐบาลท่านนายกอภิสิทธิ์สอบไม่ผ่าน

ยังไม่สายครับปรับเป้าหมายใหม่ได้มุ่งไปที่ การสร้างงานในระบบเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์(creative economy) บนสังคมฐานความรู้ และตระเตรียมทรัพยากรต่างๆ เปลี่ยนผ่านไปสู่ สังคมหลังฐานความรู้(Post-Knowledge Based Society)

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สื่อดั้งเดิม vs สื่อใหม่

ในโลกที่กำลังแบนราบลงทุกขณะ ผู้คนทั่วทุกมุมโลก ขยับเขยื้อนเคลื่อนวิธีคิด และ พฤติกรรม ไปสู่โลกดิจิตอล หรือโลกออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน การใช้เวลา ในสื่อรูปแบบเดิมๆ(Traditional media) ข่องทางเดิมๆ ก็น้อยลงเป็นลำดับ และใช้สื่อใหม่(New media)เพิ่มมากยิ่งขั้น เรียกว่าเป็นปฎิภาคผกผันกัน

รูปแบบสื่อที่เข้าครองใจผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแม่แบบในโลกออนไลน์ต่อประเทศอื่นๆทั่วโลก นั้น จะสังเกตเห็นได้ว่าเม็ดเงินที่ธุรกิจต่างๆใช้ในการสื่อสารถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายนั้น โฆษณาออนไลน์(Online advertising) โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อดูจากกราฟด้านล่าง ซึ่งเฉพาะ สหรัฐอเมริกาประเทศเดียวมีเป็นเงินโฆษณาออนไลน์มากถึง 23 พันล้านเหรียญ เมื่อปี 2008 มีส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาโดยรวม แค่ 8%เท่านั้น
เม็ดเงินโฆษณารวมทั้งโลกมีประมาณ 600 พันล้านเหรียญ เมื่อปี 2008 เม็ดเงินโฆษณาออนไลน์มี 55 พันล้านเหรียญ คิดเป็น 9.1% ของโฆษณาโดยรวม นับว่ายังน้อยอยู่มาก และคาดกันว่าภายในปี 2014 การโฆษณาออนไลน์จะกินส่วนแบ่ง 19.5 % หรือ 137 พันล้านเหรียญ ของเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมของโลก ที่ 704 พันล้านเหรียญ

ส่วนที่ตลาดประเทศไทยนั้น มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตประมาณ 17 ล้านคน ทั่วโลกใช้ 1.6 พันล้านคน เม็ดเงินโฆษณารวม ประมาณ 100,000 ล้านบาท เม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ มีเพียง 1,000 ล้านบาท หรือแค่ 1% ซึ่งน้อยอยู่มาก จึงเห็นโอกาสในการเติบเติบโตในเมื่อไทยมีมากมาย
แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลนายก อภิสิทธิ์ เจียดงบลงทุน จากนโยบาย "ไทยเข้มแข็ง" ให้กระทราง ICT เพียง 2,636 ล้านบาทเท่านั้น จนถึงปี 2555 (ข่าว)