เมื่อเช้านี้ ได้ดูข่าวท่านนายก อภิสิทธิ์ เปิดงาน "ไทยสร้างสรรค์ไทยเข้มแข็ง" ว่าด้วยเรื่องนโยบาย จะมุ่งสร้างสรรค์เศรษฐกิจไทย ไปสู่ระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์(creative economy) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที 12%ของ จีดีพี เป็น 20% ภายในปี 2555 นับว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีพันธะสัญญาอีก 12-13 ข้อ พร้อมจัดสรรงบประมาณจาก "ไทยเข้มแข็ง" อีก 20,000 ล้านบาท อันนี้ที่อยากเ็ห็น อยากให้ท่านนายก อภิสิทธิ์ ให้ความสำคัญ พราะจะสร้างงานระดับ"มันสมอง" มากมาย ถ้าจะเทียบเป็นรูปแบบธุรกิจก็เป็นแบบที่ 3 กล่าวคือ
รูปแบบที่1 ทำมากได้น้อย (More for less) หรือ ทำด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา(Sweat and tear ) เช่นงานประดิษฐ์ประดอย งานพื้นๆ ต่างๆ
รูปแบบที่2 ทำมากได้มาก(More for more )หรือ ใช้สมองด้วย ใช้แรงมากด้วย(Sweat and brain) เช่นงาน ในวงการอุตสาหกรรมต่างๆ มีโรงงานผลิตคราวละมากๆ แต่ ไม่ค่อยมีมูลค่าเพิ่ม(Value added) ในชิ้นงาน รับจ้างผลิต ต่างๆ ต้องคิดรูปแบบธุรกิจใหม่ แล้วค่อยๆสร้างสรรค์คุณค่า (Value creation)
รูปแบบที่3 ทำน้อยได้มาก(Less for more)หรือ ใช้สมอง ฉกฉวยโอกาส(Brain and opportunity) สร้างความได้เปรียบจากการแข่งขันโดยการสร้างตราสินค้า มียี่ห้อของตัวเอง ได้แก่งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ มีนวัตกรรม งานวิจัยต่างๆ ไม่เหมือนใคร ยากที่คนอื่นจะลอกเลียนแบบได้
รัฐบาลในฐานะที่เป็นคนกำหนดนโยบาย(Policy maker) ต้องสร้าง กฏเกณฑ์ ทิศทางให้ชัดเจน และ เป็นพื้นที่สาธารณะ อย่าเอนเอียงให้ประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ จะต้องใส่ใจเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอะไร บ้างให้ทัดเทียมประเทศอื่นๆ เช่น สร้างโครงข่าย อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์(Internet broadband infrastructure) โอกาสในการเข้าถึง ทั่วถึง โดยเร็ว มีคุณภาพ และมีราคาถูก
รัฐบาลอยากเก็บภาษีจากคนหาเช้ากินค่ำ คนทำงานพื้นๆ หรือว่า คนจำพวก Green collars ดีล่ะ??