Powered By Blogger

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

แนวคิดการแก้ปัญหาเครือข่ายการซื้อเสียงของนักการเมือง

สิ่งที่ผู้ทรงคุณวุฒิ นักการเมืองจากพรรคการเมืองต่างๆ นักวิชาการ เสนอแนะสูตรต่างๆ ในการกำหนดสัดส่วนสมาชิกสภาผู้แทนฯ และ ส.ส. ปาร์ตี้สิสต์ ว่า จะกำนดในสัดส่วนเป็นเท่าใด(375:125 หรือ 400:100 หรือ 380:120)นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่อง "พายเรือในอ่าง" ทั้งสิ้น ไม่ได้สร้างสรร ไม่ว่าจะกำหนดสัดส่วนเป็นเท่าใด ก็ล้วนไร้ซึ่งหนทางแก้ปัีญหาการซื้อเสียงไปได้ ยังคงซื้อหนักข้อ เหิมเกริม มากยิ่งขึ้นทุกขณะ และ ไม่ได้ตอบโจทย์เรื่อง "ตัวแทน"ได้ดีสักเท่าใด ยังคง ล้าหลัง ไร้จุดหมาย ล่องลอย อยู่นั่นเอง

 การแบ่งเขตเลือกตั้ง ตามลักษณะทางภูมิศาสตร์(Geographic Targeting) นั้นไม่น่าจะตอบสนองพฤติกรรม การใช้ชีวิต คุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งๆขึ้นไปได้อีกต่อไป
เพราะในโลกที่นับวันจะแบนราบลง ไร้พรมแดน ข้อจำกัด ขวากหนาม กฎเกณฑ์ต่างที่เคยมีมาจะค่อยๆ ทะลายหายไป การใช้ลักษณะทางภูมิศาสตร์มากำหนด ในการแบ่งเขตเลือกตั้งของบรรดา ส.ส. จึงเป็นสิ่งที่ล้าสมัย แทบหาประโยชน์ใดๆ ต่อประชาชนทั้งประเทศไม่ได้เลย

การกำหนดสัดส่วน ส.ส.ตามลักษณะทางสังคมและเศรษฐกิจ(Demographic Targeting)เป็น
สิ่งหนึ่งที่สำคัญ(ในหลายๆสิ่งผนวกร่วมกัน เช่นที่มาของเิงินทางการเมือง-Money Politics, ระบบการคัดกรองนักการเมือง-Politician Filtration)
ดังนั้นสิ่งที่เหนือกว่า ดีกว่า ทันสมัยกว่า สอดคล้อง และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งประเทศ ในการกำหนดสัดส่วน ส.ส. นั้นควรเป็นหรือพูดได้ว่า ต้องแบ่งเป็นลักษณะทางสังคมและเศรษฐกิจ(Demographic Targeting) กล่าวคือ
1. แบ่งตามกลุ่มอายุผู้ประชากรของประเทศและ รายได้ของประชากร เช่นเด็กที่มี อายุตั้งแต่
    0 - 07 ขวบ(มีกี่คนในประเทศ)มีผู้แทนได้กี่คน?
    08-15 ปี (มีกี่คนในประเทศ)มีผู้แทนได้กี่คน?
   16- 23 ปี (มีกี่คนในประเทศ)มีผู้แทนได้กี่คน? เป็นต้น
  กลุ่มคนที่มีรายได้ตั้งแต่ 0- 30,000บาทต่อเดือน มีผู้แทนได้กี่คน?
  กลุ่มคนที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,001-60,000บาทต่อเดือน มีผู้แทนได้กี่คน? เป็นตัวอย่าง

ซึ่งการกำหนดสัดส่วน ส.ส. ตามกลุ่มอายุของประชากร และ กลุ่มรายได้นี้เป็นการตัดระบบ วงจรเครือข่ายของนักการเมืองในการซื้อเสียง วางมวลชน หาแนวร่วม วางเครือข่ายแบบผิดๆไปได้อย่างสิ้นเชิง เพราะ กลุ่มคนลักษณะดังกล่าวมีอยู่ทั้งทุกภูมิภาค ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ยากที่บรรดานักซื้อเสียงจะกระทำได้สำเร็จ และเป็นการตอบโจทย์ คำว่า"ตัวแทน" อย่างแท้จริงยิ่งขึ้น

เชื่อหรือไม่ว่า ต่อไป(ไม่น่าจะนานนัก)ระบบการเลือกตั้งแบบตัวแทนนี้(Representative Election)หรือ ประชาธิปไตยแบบตัวแทน(Representative Democracy) นี้จะหมดไปจากโลก จะเปลี่ยนไปสู่ ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมที่นำระบบเทคโนโลยีช่วยอำนวย(Participatory Technocracy) อันประกอบด้วย....ค่อยว่ากันตอนหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น