ผมไม่รู้จะเปรียบเทียบนักการเมืองที่จ้องจะโกงกิน ภาษีอากรของผม และของคนอื่นว่าอย่างไรดี อย่างกรณีที่เป็นข่าวอยู่เวลานี้ เรื่องจัดซื้อจัดจ้างรถเมล์ 4,000 คัน ด้วยท่าที ทัศนคติ วิธีคิด วิธีการต่างๆ ของคนจะโกงกิน ก็บ่งบอกให้รู้แล้วว่า คนจำพวกนี้ ไม่ควรอย่างยิ่งให้อยู่ในแวดวงการเมือง หรือในส่วนที่อาจทำความเสียหายต่อส่วนรวมได้ แต่ก็เห็นคนจำพวกนี้อยู่เต็มสภาผู้แทนราษฏร... นี่มันอะไรกัน
ควรอย่างยิ่งที่สื่อกระแสหลักต้องกล้าหาญมากพอที่จะ ตีแผ่ข้อมูล ข้อเท็จจริง เป็นต้นว่า สัญญาต่างๆที่ผู้ที่เกี่ยวข้องทำกันเอาไว้ หรือเตรียมจะทำไว้ หรือข้อเท็จจริงอื่นๆ ที่ไปตกปากรับคำไว้ จะว่าไปแล้วเท่าที่มีข้อมุลอยู่ก็น่าจะเพียงพอที่สื่อกระแสหลักจะประสานเป็นหนึ่งเดียว ขับไล่คนจำพวกนี้ให้ออกไปเสียให้พ้นๆ วงการเมือง
แค่ซื้อของแพง อย่าว่าแต่มากมายขนาดนี้เลย แค่แพงกว่าเล็กน้อย ก็ไม่สมควรแล้ว ควรจะจัดซื้อจัดจ้างให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด นั่นคือได้ราคาต่ำ และมีคุณภาพ ที่สุดเพื่อประโยชน์ขององค์กร
แต่สื่อกระแสหลักก็ขาดความกล้าหาญที่จะทำให้นักการเมืองเกรงกลัว จนนักการเมืองไร้ยางอาย ขับเคี้ยว กันจะทำโครงการให้ได้ ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว แล้วก็จะเป็นเยี่ยงอย่างอยู่ร่ำไป รุ่นแล้วรุ่นเล่า โครงการแล้วโครงการเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า
ท่านนายก อภิสิทธิ์ ก็ไม่กล้าหาญ ที่จะยับยั้ง กลัวอำนาจหล่นหาย ด้วยระบบแบบนี้ นักการเมืองแบบนี้ วิธีคิดแบบนี้ ทัศนคติแบบนี้ จึงกลับไปสู่วงจรอุบาทว์ แน่ๆ
ก่อนหน้านี้รัฐบาลนายก สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ใช้ภาษีของเรา รับจำนำข้าว 14,000 บาทต่อตัน เกษตรกรรับไป 12,000 บาทต่อตัน อีก 2000 บาทต่อตัน นักการเมืองพ่อค้า ข้าราชการไปแบ่งกัน อันนี้ม้วนที่ 1 ส่วนม้วนที่ 2 ก็ขายข้าวขาดทุน คือขายต่ำกว่า 14,000 บาทต่อตัน ย่อยยับ.. ฉิบหาย
รัฐบาลนายกสมชายอีก เช่นกัน รัฐมนตรีคนเดิมเลย จำนำข้าวโพด ได้ข้าวโพดคุณภาพ ต่ำกว่า บางตะเกียง เป็นล้านตัน ขายก็ขาดทุนอีก ฉิบหายอีก นี่มันอะไรกันวะ คนรึป่าว?? แล้วเรายังปล่อยให้คนจำพวกนี้บริหารประเทศอีกหรือ ?? ต้องขับไล่ออกนอกประเทศไปเลย
ถ้าเรายังไม่คิดจะใช้ ระบบการคัดกรองนักการเมือง คัดคนที่ไม่พร้อม ที่ไม่เสียสละ ที่จ้องจะเข้ามาแสวงหา อย่าให้ได้มีโอกาสทำงานสาธารณะ ก็จะไม่มีวันหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ได้ คนเหล่านี้ก็ครองบ้านครองเมือง แล้วก็กินบ้านกินเมือง แล้วก็ขี้ใส่หลังคาบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น