Powered By Blogger

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การประกันความเสี่ยงราคาข้าว

21 กรกฎาคม 2552 ครม. นายกอภิสิทธิ์ มีมติเห็นชอบอนุมัติโครงการต่างๆ 55 เรื่อง (อ.ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ออกรายการข่อง NBT) หนึ่งในนั้นคือ มติเห็นชอบอนุมัติการประกันความเสี่ยงราคาข้าว ให้ชาวนา

หลักการคือ รัฐบาลจะประกาศประกันราคาข้าวเปลือกชนิตต่างๆ เป็นราคาอ้างอิง หาก ชาวนาขายข้าวเปลือกได้ต่ำกว่าราคาประกัน รัฐบาล(เงินภาษีประชาชน)จะจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้เป็นเงินสด โดยโอนเงินเข้าบัญชีชาวนาผ่าน ธกส.

ประเด็นข้อสังเกต
1. การตรวจสอบอย่างแน่ชัดว่าชาวนาปลุกข้าวจริง
2. ต้องแน่ใจว่า ราคาที่ชาวนาขายข้าวให้พ่อค้านั้น เป็นราคาแท้จริง โดยที่ขาวนากับพ่อค้า ไม่สามารถสมคบกันกินส่วนต่างของราคาข้าวของรัฐบาล(ภาษีประชาขน) เช่น รัฐบาล นำเงินภาษีประชาขน ไปประกัน 10,000 บาทต่อตัน แต่ชาวนาขายได้ 9,000 บาทต่อตัน (ได้รับชดเชย 1,000 บ.ต่อตัน) แต่สบคบกัน บอกรัฐบาลว่า ขายได้จริงแค่ 6,500 บาทต่อตัน ส่วนต่างอีก 2500 บาทต่อตัน(9,000-6,500)นำไปแบ่งกันระหว่างพ่อค้ากับขาวนา และคนอื่นที่ร่วมกันโกง โดยอ้างว่าข้าวเปลือกที่ชาวนาขาย มีความชื้นมากว่า มาตรฐาน(14.5%) จึงถูกพ่อค้ากดราคา แต่จะขอชดเชยเงินจากรัฐบาล นั่นคือภาษีประชาชน
3. สบคบกันแจ้งปริมาณที่ขายข้าวได้เป็นเท็จ เช่น ชาวนาปลูกข้าวจริง ขายข้าวจริง เพียง 5 ตัน แต่แจ้ง10 ตัน อีก 5 ตันสมคบกันทำเอกสารเท็จ สมคบกันทั้ง ชาวนา พ่อค้า ธกส. และเจ้าหน้าที่รัฐ ในที่นี้คือกระทรวงพาณิชย์(ผู้ตรวจสอบ) อย่าบอกว่า ใครจะโกงได้ แบบนั้น มีการโกงมาแล้วทั้งลำใยอบแห้ง จำนำข้าวเปลือก ปี 50-51 ภาษีประชาชนเจ๊งไป 18,000 ล้านบาท
4. หากรัฐบาลไม่กำหนดมาตรฐานความชื้นข้าวเปลือกที่ประกัน ทำให้ชาวนารีบขายข้าวทันที เมื่อเก็บเกียวเสร็จไม่สนใจความชื้นของข้าวเปลือก เพราะอย่างไรเสียรัฐบาลนำภาษีประชาขนชดเชยเงินให้อยู่แล้วไม่ว่าจะขายข้าวเปลือกได้ราคาเป็นเท่าใด สร้างแรงจูงใจให้ชาวนามักง่าย ไม่สนใจคุณภาพความชื้นข้าวเปลือกที่จะขาย
5. ผลวิจัย(ข่าว) ทีดีอาร์ไอ ของ ดร. นิพนธ์ พัวพงศ์ธร บอกชัดเจนว่า ทั้งวิธีประกันความเสี่ยงราคาข้าวเปลือก และ จำนำข้าว นั้น ชาวนาได้ประโยชน์เพียง 4.6% ซึ่งน้อยมาก เพราะชาวนาไทยส่วนใหญ่ จาก 3.7 ล้านครอบครัว ปลูกข้าวแค่พอกิน ไม่เหลือไว้ขาย มีประมาณ 4 แสนครอบครัวเท่านั้นที่ เข้าถึงนโยบายรัฐ และก็ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐแตกต่างกันไป
ประเทศไทย หากยังไม่นำ ระบบการคัดกรองนักการเมือง ซึ่งจะคัดเลือกคนดี มีคุณธรรมก่อนให้เข้าทำงานการเมือง นั้น ก็ยากยิ่งในการป้องกันการทุจริต โกงกิน หรือ คิดเสียสละ มุ่งมั่นสร้างประเทศ ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ให้เคียงอยู่ในกระแสโลกาภิวัฒน์ อย่างชาญฉลาดได้
นักการเมืองไทยทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ไร้มาตรฐาน ไร้จิตสำนึก รับผิดชอบต่อสาธารณะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น