วันสองวันนี้ได้ยินข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่(ไม่ใช่การเมืองใหม่) ของกลุ่มแกนนำพันธมิตร ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ของผม และของหลายๆฝ่าย คนที่เข้ามา "แสวงหา"มากกว่า "เสียสละ" อีกแล้วครับทั่น
ต่อให้พูดดีอย่างไร ถ้าการกระทำไม่ได้สนอง หรือ สอดประสานเป็นไปอย่างที่พูด ก็ ตอแหล ทั้งนั้น ถ้า เป็นการตอแหลระดับบุคคล เช่น ผัวตอแหลเมีย เมียตอแหลผัว น้องตอแหลกะพี่ อะไรทำนองนี้ ก็ไม่กระทบในวงกว้าง ในสังคมส่วนใหญ่ ให้ได้รับความเสียหาย ไม่เป็นเยี่ยงอย่างที่เลวต่อเยาวชน คิดถึงอนาคตประเทศไทยแล้วเศร้าใจ
ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าจะอ้างว่า เข้ามาทำงานการเมืองเพื่อ สร้างการเมืองใหม่ พวกคุณยังไม่ตาย เลย อย่าหลอกกันเลยนะ แค่แนวความคิดการเมืองใหม่ของคุณๆ ยังไม่คิดกันไม่ตกผลึกเลย ว่าจะเป็นแบบไหน จะนำพาประเทศชาติ เยาวชน ของชาติ ไปยังไง เปรียบเสมือน คุณยังไม่ล้างทำความสะอาดแก้วน้ำ ที่คุณกล่าวหาว่าสกปรกมาตลอด แต่แล้วคุณก็เอาแก้วไบเดิมนั้นไปใส่น้ำดื่มกิน ราวกับว่า ถ้ามีคุณแล้วการเมืองจะดีอย่างผิดหูผิดตา
ประเทศไทย ถ้ายังไม่ได้รับการปรับเปลี่ยนบูรณาการวิธีการคัดกรองนักเมืองให้สอดคล้องกับโลกที่กำลังแบนราบลง ไร้ข้อจำกัดมากขึ้น ใช้ระบบการคัดกรองนักการเมือง ให้ได้อย่างพอเหมาะพอควร ประเทศไทยก็จะวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น อีก 10 ปี เป็นอย่างน้อย และถ้ายังไม่ได้สำนึกกัน อาจสิ้นชาติได้(ต่างคนต่างกอบโกยผลประโยชน์เข้าหาตัวเองและทิ้งความเสื่อม ความเหลวแหลกไว้ให้ผู้อื่น)
อย่าทำตัวดีแต่ยุแหย่ ให้คนในชาติเกลียดกัน แบ่งแยกกัน ให้ร้ายกัน ขาดความเชื่อถือ เคารพกัน ทั้งเสื้อสีเหลือง และสีแดง ล้วนยึดโยงอยู่กับผลประโยชน์ ที่เป็น เงิน กะ อำนาจ มาเป็นของตัวเอง หรือพรรคพวก โดยจัดจ้าง สร้างมวลชนเป็นฐานให้กลุ่มตัวเองเหยียบขึ้นไป
ดร. เฮนรี่ คริสซินเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "นักการเมือง ร้อยละเก้าสิบ (สาดโคลน)ทำให้นักการเมืองอีกร้อยละสิบเสียชื่อ"("Ninty percent of the politicians give the other ten percent a bad name" Henry Kisssinger)
ผมขอย้ำไว้ตรงนี้ว่า.. ปัญหาอยู่ที่ "คน" คือ นักการเมือง ต้องแก้ตรงนี้ ก่อน ตัวซ้ำเติมหรือทำให้ปัญหาคงอยู่และไม่ได้ตระหนักถึง การแก้ไข ก็ได้แก่ สื่อกระแสหลักต่างๆ ที่ขาดความกล้าหาญในการนำเสนอข้อเท็จจริงของนักการเมืองที่ไม่เหมาะสม ให้ออกไปจากระบบ และคนไม่เหมาะสม ที่เตรียมจะเข้าสู่ระบบไม่กล้าเข้ามา ส่วนประชาชนพลเมืองนั้น ไม่สามารถแยกแยะคนที่อาสาเข้ามาทำหน้าที่นักการเมืองได้ดีหรอก เพราะ มันไม่มีมาตรฐาน
Our nation is degenerated in these latter days; bribery and corruption are common; politicians no longer be philanthropist; and the end of the wealth is evidently approaching.
ไม่น่าเชื่อว่า ประเทศไทยเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนาแท้ๆ แต่ นักการเมือง กลับไปยึดโยงติดหล่ม ในลาภ ยศ วัตถุ สักการะ ที่ตน และพรรคพวกได้รับมากว่า ผลประโยชน์ของชาติโดยรวม และคนเหล่านี้นี่แหละ ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในระบบอีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น