Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สื่อกระแสหลัก กับกรณีนายรักเกียรติ สุขธนะหลังพ้นโทษ

สื่อกระแสหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สื่อโทรทัศน์ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ ติดตามทำข่าวนายรักเกียรติื โดยเฉพาะในแง่ของ การนำเสนอข่าว แล้วผูกโยงกับจิตสำนึก เรื่องคุณความดี หรือ นายรักเกียรติ อยากทำอย่างนั้น อยากทำอย่างนี้ เพราะได้สำนึกแล้ว เช่น เมื่อหัวค่ำ ทางช่อง สทท. (ช่อง 11 เดิม) เสนอข่าวว่า นายรักเกียรติ อยากจะขอบวช อ้างโน่นอ้างนี่ สำนึกในพระคุณ สร้างภาพต่างๆนานา เพื่อให้สังคมสงสาร เชื่อว่า เป็นคนดีแล้ว สำนึกแล้ว นอกจากนี้ ช่องเดียวกันนี้ยังทำสกู๊ปข่าว เปรียบเทียบระหว่าง อดีต นายก ทักษิณ ชินวัตรที่หนีคดี กับ นายรักเกียรติ ที่หนีเหมือนกันแต่โดนจับได้(แต่ ข่าว สทท. ออกข่าวว่าไม่ได้หนีคดี ยินยอมรับโทษ) ผมไ่ม่เชื่อว่า คนอย่างนายรักเกียรติ จะลอกสันดานเดิมทิ้งได้ ต้องพิสูจน์กันยาวๆ มิใช่แค่ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ ผ่านสื่อ ที่ไร้่สำนึก

สื่อกระแสหลัก นอกจากมุ่งค้นหาความจริง อย่างไม่ฉาบฉวยแล้ว การคัดเลือก ให้ความสำคัญกับ เนื้อหาของข่าวสาร เพื่อนำเสนอในพื้นที่ที่เหมาะสม ต่อเนื่อง เช่น ข่าวนายรักเกียรติ สุขธนะ เสนอข่าวให้รู้ว่า ติดคุกจริงๆน้อยกว่า ที่ศาลตัดสินไว้ ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้อง
นำเสนอ สิ่งอื่นๆ อีก สิ้นเปลืองพื้นที่ และเวลา หรือ กรณีข่าว ทุจริต โกงกินบ้านเมือง ของนักการเมือง หรือข้าราชการ เช่น ในองค์การคลังสินค้า ที่นำข้าวสาร เอย ข้าวโพด เอย ไปเช่า ไ้ว้ในโกดังของเอกชนแล้ว สินค้าเน่าเสียหาย หรือ สินค้าสูญหายไป นับพัน นับหมื่นตัน (ถ้า 1,000 ตันข้าวสารกระสอบละ 50 กก ก็ 2 ล้านกระสอบข้าวสาร หายไปจากโกดังโดยไม่มีคนรู้เห็น จับไม่ได้ บ้า แน่ๆ)

ข่าวสาร เนื้อหาข่าวทำนองนี้ต้องตามติด เจาะข่าว ทำทุกอย่างจนกว่าจะได้คนผิดมาลงโทษ และ และนำเสนอข่าวให้องค์กรเหล่านั้นแก้ไขไม่ให้ปัญหาเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก สมควรนำเสนอข่าว ต้องลงในพื้นที่ที่สำคัญ หรือช่วงเวลาที่สำคัญ บ่อยๆ ถี่ๆ กองบรรณาธิการ สมควรอย่างยิ่ง ที่อาจจะต้องตั้งทีมเฉพาะกิจทำเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำไปเรื่อยๆ ว่า คนโกงกิน ทุจริตต้องได้รับโทษ อย่างสาสม สังคมก็จะไม่เอาเป็นเยี่ยงอย่าง ประชาชนก็พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกต่างหาก ในแง่ของคนคิดจะโกงกิน ทุจริต ต่างๆก็ อาจจะไม่ค่อยกล้ากระทำผิด ปทัสถานทางสังคมที่เรายึดถือในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ก็ค่อยๆ กลับคืนมา ทีละน้อยๆ

แต่ปัจจุบันนี้ คนทำข่าว สื่อกระแสหลัก ทำข่าวเหมือนเสียไม่ได้ เสนอข่าวแล้วก็แล้วไป นอกจากนั้นยังเป็นช่วงเวลาสั้นมากๆ การทำข่าวลักษณะนี้ เหมือนเล่าสู่กันฟัง ให้รู้ว่ามีการโกงกิน แต่ไร้จิตสำนึกที่จะช่วยเหลือ ชี้แนะ ป้องกัน แล้วที่เรียกว่า "สื่อเปรียบเสมือนสุนัขเฝ้าบ้าน" ก็จะเลือนหายไป เพราะสุนัขเหล่านี้ ได้แต่เห่าเบาๆ(อย่างเสียไม่ได้) แล้วก็วิ่งไปหลบซ่อน หรือ ไปเล่นอย่างอื่นแทน สังคมไทยจึงอุดมไปด้วยคนโกงกิน บ้านเมือง เพราะสื่อกระแสหลักไม่มีจิตสำนึกตรงนี้

Graig Newmark ผู้ก่อตั้ง graigslist.com เป็นเว็บไซต์ให้ผู้โฆษณาขายของฟรี ได้แสดงทัศนะต่อสื่อไว้ดังนี้ "The really good journalism was buried, not curated into the front pages , and then infrequently if at all repeated. As news customers, if big news is not prominantly displayed,and then repeated, it's a tree falling in the forest."

"สื่อสารมวลชนที่ดีดีนั้น ถูกฝังไปแล้ว(ตายไปหมดแล้ว)(ข่าวสารที่มีประโยชน์ สำคัญ) ก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่หน้าแรกๆ พร้อมกับลงข่าวบ่อยๆ ในฐานะผู้บริโภคข่าว ถ้าข่าวสำคัญๆไม่ได้ลงในหน้าที่มีผู่อ่านมากๆ และลงถี่หน่อย(ตอกย้ำ)มันก็ไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ต้นหนึ่งที่ล้มลงในปาดงดิบ"(ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ก็ไร้ประโยชน์ที่จะทำสื่อต่อไป)

สื่อสารมวลชน ถ้าติดตามความถูกผิดต่อสิ่งที่กระทบสังคมโดยรวม แล้วนำเสนอให้สังคมได้รับรู้ อย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับตอกย้ำ หลักแห่งคุณธรรม ความดีงาม เป็นอย่างไร คนทำไม่ดี คนเลวสมควรได้รับการลงโทษอย่างไร คนในสังคมก็จะรู้สึกได้ว่า มีหลักยึดถือ คติพจน์ "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ก็จะศักดิ์สิทธิ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น