Powered By Blogger

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เกมเดิมพันของคุณทักษิณ

จะว่าไปแล้ว ตราบใดที่คนคนหนึ่งไม่รู้สึกผิด และยังมีพละกำลัง ทั้งสมอง เงิน พวกพ้อง ที่สำคัญกล้าได้กล้าเสีย(แต่ไม่เสี่ยงมั่วๆ) เรียกว่า เป็นพวก เสี่ยงแบบจำกัดความเสี่ยง(risk taker) และคิดยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิด หรือคิดจากตัวเองออกนอก คนลักษณะนี้ ทำได้ทุำกอย่างเพื่อให้บรรลุในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เมื่อตอนดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี คุณทักษิณเองก็เชื่อเมีย จนลืมมองดูสถานะตัวเองว่า อยู่ในสถานะอะไร ทำได้ แค่ไหน ก็เลยพลาด ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ลำพัง ตัวคุณทักษิณเอง ไม่ทำเรื่องเหล่านี้แน่(ทำที่ซับซ้อน ลึกซึ้งกว่านี้) เพราะผมเห็น ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ที่จะนำพาประเทศไทยไปให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ และเป็นคนเดียวที่ทำได้ เพราะมีภาวะผู้นำ และมีวิสัยทัศน์

คุณทักษิณ "ดับเครื่องชน" กับการต่อสู้ทางการเมืองของตัวเอง กับผลประโยชน์ของตัวเอง ทรัพย์สินของตัวเอง ที่ถูก คตส. อายัติไว้ 76,000 ล้านบาท อันนี้ก็ทำกันเกินไป (เงินในกระเป๋าคุณทักษิณ 100 บาทอาจมีเงินที่มีกลิ่นไม่ค่อยสะอาด 20,30,40บาทก็ได้)คณะกรรมการ คตส. คิดและทำกับคุณทักษิณแบบสุดโต่ง ศาลคดีอาญานักการเมืองก็ตัดสินถึงกับจำคุก ก็เกินเลยไป แทนที่จะรอลงอาญา

ผมเชื่อว่า พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ "รับแผน" คุณทักษิณ ไปพบ สมเด็จ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา(โดยให้ พลเอก วิชิต ยาทิพย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ติดต่อประสาน ผ่านทาง พลเอก เตียบัน) เป็นการทาบทามให้สมเด็จ ฮุนเซ็น แต่งตั้งให้ คุณทักษิณ เป็นที่ปรึกษา (หาก นายกรัฐมนตรี ฮุนเซ็น เห็นคุณค่า ในความเป็น "เพื่อน" และ ในความสามารถของคุณทักษิณจริงๆ ก็สมควรแต่งตั้ง คุณทักษิณ เป็นที่ปรึกษา นานแล้ว ไม่ใข่ตอนนี้) จากนั้นอาจถึงขั้น ตั้งเป็นรัฐบาลกำมะลอ ไว้ปลุกปั่น แนวร่วม ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณทักษิณ ก็น่าจะเคยพยายามใช้ ประเทศ สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ หรือปรเทศอื่นๆ แต่รัฐบาลประเทศเหล่านั้น รู้จาริต และไม่อาจเอาผลประโยชน์ของประเทศมาเสี่ยง กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

เพื่้อ "สั่น" สถานะรัฐบาลของนายก อภิสิทธิ์ เพราะ คุณทักษิณ รู้ดีว่า สมเด็จ ฮุนเซ็น ไม่พอใจ รัฐบาลชุด นายก อภิสิทธิ์ โดยเฉพาะ รมต. ต่างประเทศ ที่ชื่อ นาย กศิต ภิรมย์ เป็นเดิมพัน และผนวกกับ คนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเดินเกมถอดยศ คุณทักษิณจึง เดินหมากนี้ บนดินแดนเืพื่อนบ้านเรา และสมเด็จฮุนเซ็น ก็ "อหังการ์" พอควร

ถ้าคุณทักษิณ ไม่ได้คิดวางแผนการและแลือกเดินตามแผนนี้ เพื่อ ลดกระแสความตึงเครียดระหว่างประเทศลง แค่ แสดงออก โดยการลาออก และไม่รับตำแหน่งที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของนายก สมเด็จ ฮุนเซ็น ง่ายมาก ถ้าตั้งใจจะทำ

ผลเอแบคโพลล์ ประจำัที่ 3 พฤศจิกายน 2552 เมื่อถามถึง ความอยู่รอดของประเทศ กับผลประโยชน์ของตัวเองกับครอบครัว พบว่า 50.5% เลือกเอาความอยู่รอดของประเทศมาก่อน ขณะที่ 33.8% เลือกผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว มาก่อนความอยู่รอดของประเทศชาติ นี่ยังไม่ได้เปรียบเทียบระหว่างชีวิตตัวเองและคนรัก กับความอยู่รอดของประเทศ นะ ตัวเลข 33.8% น่าจะสูงกว่านี้อีก
ผลวิจัยชิ้นนี้ เป็นเครื่องชี้อย่างดีถึง ความวิกฤตของจิตสำนึกในการเสียสละ ของคนไทย ที่เห็นแก่ตัวมากขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทุกๆ 1 ใน 3 คน รักตัวเองและครอบครัวมากกว่ารักชาติ สังคมไทยกำลังล่มสลาย ทางจิตสำนึกในการเสียสละ วังเวง จริงๆ อาจเป็นเพราะไม่รู้จะหาแบบอย่างที่ดีดี ดูได้ที่ไหน
คุณทักษิณ ก็อยู่ในจำพวก 33.8% ที่เลือกผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว มาก่อนความอยู่รอดของประเทศชาติ
ส่วน ผลเอแบคโพลล์ วันที่ 7 พ.ย. 2552 คะแนนนิยมในตัว นายก อภิสิทธิ์ เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า เป็น 68.6% จาก 21.1% เมื่อเทียบกับเดือน กันยายน 2552

ผลเอแบคโพลล์ ชิ้นนี้ บอกได้เลยว่า คุณทักษิณ "เดินเกมผิด" เสียแล้ว แล้วยังไม่รีบลาออจากที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ นายก สมเด็จ ฮุนเซ็น อีก

สรุปได้ว่า ความวุ่นวายต่างๆที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่นี้ เกิดจากนักการเมืองที่ไม่พร้อม ไม่เสียสละ มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองและพวกพ้อง "เล่นการเมือง" ไม่ได้ "ทำงานการเมือง" จึงเกิดวัฒนธรรมทางการเมือง แบบล้มล้าง หักกัน ทำลายล้างกัน (destructive politics paradigm) จนเกินพอดี จนเกินเลยไปถึง ทำร้าย ทำลาย ผลประโยชน์ของขาติ นักการเมืองก็ยังไม่ยอมหยุด เราในฐานะผู้เสียภาษี และได้รับผลกระทบ ทุกครั้ง ที่มีปัญหาทางการเมือง จึงต้องสร้าง รูปแบบทางการเมือง (political platform) เสียใหม่ นั่นคือ ระบบการคัดกรองนักการเมือง

ของฝาก... ผมไม่รู้ว่าสงครามโลกครั้งที่สาม มนุษย์ใช้อาวุธอะไรในการสู้รบกัน รู้แต่ว่าสงครามโลกครั้งที่สี่ มนุษย์ใช้ก้อนหินและเศษไม้เป็นอาวุธ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น