วงการฟุตบอลอาชีพในบ้านเรากำลังเติมโต อย่างมาก ผิดหูผิดตา จากพฤติกรรมคนในการดู เชียร์กีฬาฟุตบอล บริโภคสื่อกีฬา โดยเฉพาะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายินดี น่าปลื้มใจ น่าส่งเสริม ให้เป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ นักกีฬาสามารถยึดเป็นอาชีพ เลี้ยงตัวเองและครอบครัวที่ดีได้ อยู่ในสังคมได้อย่างภาคภูมิ ตลอดจนเกิดธุรกิจเกี่ยวเนี่อง อีกมากมาย
อุบัติเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้น ที่มีการทำร้ายกันจากแฟนฟุตบอล ของ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือแห่งประเทศไทย ในการชิงแชมป์ถ้วย ก. (ข่าว) จนไม่สามารถแข่งขันต่อให้จบได้ ผมเห็นสื่อที่วี อย่าง คุณแชมป์ พีรพล เอื้ออารียกุล พิธีกร รายการกีฬา ที่ออกมาเกาะติด ประโคมข่าวเชิงประณามผู้เป็นต้นเหตุ การจราจลในครั้งนี้อย่างจริงจัง ซึ่งต้องขอชมเชย นี่เป็นตัวอย่างของสื่อที่กล้าหาญ แสดงออกถึงสิ่งไม่ดีไม่งามในวงการกีฬา เพื่อให้สังคมรุมประณามด้วย ผู้คน ที่แวดล้อมในวงการกีฬาก็จะได้เรียนรู้ ตระหนัก ตื่นตัว ถึงพฤติกรรมที่สังคมไม่ยอมรับ ให้ถึงขนาด ว่าถ้ายังคงปล่อยปละละเลย ไม่เอาใจใส่ คุณ ก็จะไม่มีที่ยืนในวงการกีฬาอีกต่อไป นี่เป็นแนวทางที่ดี จุดยืนที่ถูกต้องของสื่อ
จุดยืนทำนองนี้ ต้องนำไปใช้กับการเมืองด้วย ถ้าได้มีการประโคมข่าวเชิงประณามพฤติกรรมนักการเมือง ที่เบี่ยงเบนไป ไม่ทุ่มเท เสียสละ ไม่รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบ ไม่ต้องพูดถึงพฤติกรรมที่ แสวงหา โกงกิน เพื่อกระตุ้นเตือนสังคม และกำกับพฤติกรรมเหล่านักการเมือง จะได้ตระหนัก ในหน้าที่ ความรับผิดชอบต่อประชาชน ประเทศชาติ ที่นักการเมืองได้อาสาเข้ามาทำงาน การเมืองไทยจะไม่ตกต่ำอย่างที่เป็นอยู่ นี่คือผลของสื่อกระแสหลักดั้งเดิม ที่ผ่านมา ทำหน้าที่ไม่ชัดเจน อาจจะเป็นเพราะว่า นักการเมืองมีทั้งเงิน อำนาจ พวกพ้อง สื่อกระแสหลักดั้งเดิม จึงไม่กล้า ประโคมข่าวเชิงประณาม หรือประณามตรงๆ ให้สังคมได้รับรู้ ประณามได้กับคน หรือกลุ่มคนที่ด้อยกว่า อย่างกรณีคุณนาธาน โอมาน หรือ ดารานักแสดง แต่ไม่กล้าหาญประณามพฤติกรรมนักการเมืองที่ไม่ดีไม่งาม สื่อกระแสหลักดั้งเดิมไทยจึงเป็นได้แค่ หมาขี้เรื่อน ขี้ขลาด ไม่ต่างอะไรกับการแสดงจำอวด ไปเรื่อยๆ
ของฝากจาก อัลเบิร์ต ไอสไตน์ ... "คนที่ประสบความสำเร็จสู้เป็นคนที่มีคุณค่าไม่ได้"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น