Powered By Blogger

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

ถ้ากฎหมายรัฐธรรมนูญพูดได้ เธอจะพูดว่า "กูไม่เกี่ยว...โ้ว้ยยย !"


เราจะเชื่อใจ ไว้วางใจนักการเมืองได้อย่างไร ในเมื่อ คิดก็ยังคิดได้ไม่ถูกต้อง แล้วจะวาง กำหนด อนาคต ประเทศชาติ ประชาชน ไปในทิศทางที่ดี ที่เหมาะสม ยกคุณภาพชีวิต การศึกษาให้ดี ได้อย่างไรในโลกที่กำลังแบนราบลง นักการเมือง จะทำงานให้สำเร็จลุล่วง ได้อย่างไร ไม่ใช่ซื้อล๊อตเตอรี่ ที่ฟลุ๊ก ถูกได้ ที่บอกให้คนซื้อหมายเลข 123 ผู้ซื้อ ซื้อ 321 และผลสลากออก 321 ถูกได้อย่างฟลุ๊กๆ เรื่องการทำงาน ไม่มีฟลุ๊กแน่


การแก้ไขรัฐธรรมนูญมุ่งประเด็น (ข่าว)ไปที่ การซื้อเสียง ซึ่งเป็นเรื่องปลายเหตุมากๆ หรือแม้แต่ แก้ไขเรื่องการแทรกแซงข้าราชการ ก็ปลายเหตุ หรือแม้แต่ มาตรา 190 อันที่จริง กฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 หรือ 2550 ก็ดีทั้งคู่ ที่ไม่พร้อม คือ คน คือนักการเมือง กฎเกณฑ์ กติกา ถูกกำหนดไว้ก่อน ใครเข้าสู่สนามเลือกตั้งก็ต้องรู้ทั้งนั้น แต่ นักการเมืองก็ไม่เคารพ กฎหมาย เมื่อทำผิด ถูกศาลตัดสิน ก็อ้างโน่น อ้างนี่ คนแบบนี้ไม่สมควรให้่มีโอกาส ทำงานสาธารณะ ที่มีผลกระทบคนหมู่มาก เด็ดขาด แต่เราก็ยังปล่อยปละละเลยให้คนหล่านี้อยู่แต็มสภา

นักการเมืองทุกคนรู้ดี ว่า หนึ่งในความสำคัญ ต่อการเลือกตั้ง คือ "เงิน" แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครซักคนออกมาบอก ออกมาจำกัด เรื่องเงิน รับบริจาค ว่า่ควรจะให้นักการเมือง พรรคการเมือง รับเงินบริจาคต่อราย (ทั้งนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา)ให้น้อยที่สุด และเงิืนของผู้สมัครเองด้วย ให้ใช้ให้น้อยที่สุด หรือไม่อนุญาตให้ใช้เลย

เราจะแก้ปัญหาการเมืองให้ได้อย่างยั่งยืนนั้น ต้องแก้ไข แบบบูรณาการ เพื่อตัด วงจรอุบาทว์ แต่การเรียกร้อง ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของบรรดา นักการเมืองนั้น เป็นไปเพื่อตัวเองและพวกพ้อง และไม่มีความจริงใจจะทำงาน อย่างเสียสละ ทุ่มแทสักนิด แต่เงินเดือนอยากได้มากๆ ซึ่งคนเหล่านี้ ก็มีอยู่เต็มสภา สภาไทยจึงเต็มไปด้วยไขมันส่วนเกิน มีกล้ามเนื้้อ น้อยมาก

คิดดูก็แล้วกัน คนกำหนดนโยบาย บริหารประเทศชาติ เป็นแบบนี้ เรายังจะฝาก อนาคตของเยาวชน ไว้ได้หรือ??? ตราบใดที่ยังไม่มี ระบบการคัดกรองนักการเมือง ประเทศไทยก็ยังจมปลักอยู่กับปัญหา อยู่กับไขมันส่วนเกิน บ้านเมืองเต็มไปด้วย แก็งอิทธิพล คนดีกลับจะอยู่ในสังคมยาก แล้วคิดจะไปแข่งขันกับใครเขาได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น