Powered By Blogger

วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553

ตัวอย่างความไร้ความรับผิดชอบของสื่อกระแสหลัก

13 เมษา 53 ในรายการข่าวที่นี่ ทีวีไทย ช่วง 4 ทุ่ม
ขอตำหนิอย่างรุนแรงต่อรายการข่าว "ที่นี่ ทีวีไทย ช่วงตอบโจทย์" ที่มีผู้ดำเนินรายการที่ไร้ซึ่งวุฒิภาวะอย่างยิ่งในการดำเนินรายการ ที่ไปถามผู้ร่วมรายการทำนอง ถ้าเรื่องจบไม่ลง ถึงทางตัน ม๊อบเสื้อแดงประท้วงไม่เลิก จนรัฐบาลจัดการไม่ได้ ท่านจะตัดสินใจอย่างไร ? นายทหารนอกราชการตอบว่า เป็นผมก็ต้องรัฐประหาร ผู้ร่่วมรายการอีกท่านก็บอกว่า่ไม่ขัดข้อง โดยที่ผู้ดำเนินรายการไม่ได้รู้สึกรังเกียจ หรือคัดค้าน หรือให้ข้อเท็จจริงว่า การรัฐประหารเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไม่ควรส่งเสริม เราต้องไม่เห็นด้วย เด็กและเยาวชน หรือประชาชนทั่วไป ได้ยิน ได้ฟังจะได้เข้าใจว่าการรัฐประหารโดยทหาร หรือใครก็ตามเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เป็นสิ่งชั่วร้าย ไม่ควรเห็นด้วย ต้องต่อต้าน แต่ผู้ดำเนินรายการปล่อยทิ้งประเด็นไว้ ไม่ทำอะไรเลย




การนำเสนอข่าวสารต่อประชาชนในฐานะสื่อสารมวลชนที่ดี ต้องมีทั้ง....

1. ความจริง(Truth or reality) คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ณ ขณะนั้นๆ ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ไม่ว่าจะดีหรือเลว ผิดหรือถูก ขาวหรือดำ หนักหรือเบา ก็ต้องรายงานไปตามความเป็นจริงที่เห็น ขณะรายงานข่าว

2. ข้อเท็จจริง(Facts) เป็นข้อมูลที่มีหลักเกณฑ์ผ่านกระบวนการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว หรือ เป็นที่ยอมรับของสังคมโดยรวมแล้ว เป็นหลักคุณธรรมความดีงาม สามารถบอกได้แล้วว่า ดีไม่ดี ถูกหรือผิดกฎหมาย เช่น ในกรณีรายการช่าวนี้ ผู้ดำเนินรายการต้องพูดอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เป็นการให้ข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันผู้รับชมข่าวสับสนต่อความคิดเห็น หรือทัศนของผู้ร่วมรายการ หรือเข้าใจผิดได้ หรือซึมซับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยที่ไม่มีใครชี้แนะ  ดังนั้นผู้ดำเนินรายการจึงต้องมีภูิูมิ ต้องศึกษา ทำการบ้านในประเด็นที่กำลังสนทนาด้วย  อย่ามั่วๆทำ อย่าชุ่ย และโยนความสับสนให้คนอื่นตัดสิน วิธีการดำเนินรายการแบบนี้ ไม่มีความรับผิดชอบต่อประชาชนเลย มักง่ายเป็นที่สุด ไร้สมอง มีสมองเท่าเม็ดถั่วเขียว แล้วยังไม่มีรอยหยักอีกด้วย

และกองบรรณาธิการสื่อจะต้องเน้น จัดหาพื้นที่สื่อที่มีผู้พบเห็นมากๆ  เพื่อกระตุ้น เตือนรัฐบาล รายงานต่อประชาชน อย่างต่อเนื่อง จนกว่าผู้กระทำการละเมิด หรือ ท่าทีแสดงพฤติกรรม ไม่บังควร กำกับให้อยู่ในร่องในรอย เป็นเยี่ยงอย่างที่ดี และหากผู้กระทำ ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็ให้ประณามโดยพร้อมเพียงกัน และให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เสมอเหมือนกัน และอย่าให้คนเหล่านี้ได้มีโอกาสได้ใช้อำนาจรัฐอีก หรืออยู่ในพื้นที่สาธารณะอีกต่อไป เพราะจะเป็นปัญหาให้กับสังคมที่รักสงบ

สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยอย่างยิ่งสำหรับผู้ดำเนินรายการท่านนี้ คือ ก่อนจบรายการบ่อยครั้งพูดว่า ให้ท่านผู้ชมตัดสินใจเอาเอง ว่าจะเชื่อใครไม่เชื่อใคร บ้องตื้นจริงๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำรายการทำนองนี้ เด็กอนุบาลก็ทำได้ว่ะ โยนความสับสนให้กับผู้ชมซึ่งแต่ละคนก็มีระดับการับรู้ ความเข้าใจ วิจารณญาณแตกต่างกัน คุณนั่นแล่ะ ควรมีวิจารณญาณมากว่านี้ ไอ้งั่ง เอ๊ย

ตอนแรกที่เขียนเรื่องนี้เขียนตอนชมขณะแพร่ภาพ แต่เมื่อได้เห็นเป็นข่าวทางหน้าเว็บไซต์ทีวีไทยอีก ก็เลยทำให้รู้ว่าเป็นทั้งกองบรรณธิการข่าว ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อประชาชน ไร้สมอง ไปเรียนหนังสือใหม่ไำป๊ หรือไม่ก็หาหนังสือประเืทืองปัญญาด้านสื่อสารมวลชนที่ดีเขาทำกันอย่างไร มาอ่านให้มากๆ  ควายล้วนๆไม่มีวัวปนสักนิด และก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดทุกสำนัก ในสื่อกระแสหลัก

เรื่องความดีความเลว ความผิดความถูกกฎหมายของบ้านเมืองโดยรวม หลักคุณธรรมความดีงาม ในฐานะสื่อจะบอกว่าเป็นกลาง แล้ววางเฉย ไม่กล้าหาญประณามคนทำผิด วางเฉย เท่ากับส่งเสริม ให้คนทำผิดกระทำต่อบ้านเมืองต่อไปเรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า กลุ่มโน้นที กลุ่มนี้ที สื่อกระแสหลักไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่เมื่อมีผู้ลอบยิงระเบิดไปที่สมาคมข่าว คุกคามสื่อ กลับมีแถลงการณ์ตอบโต้ประณามจาก 5 สมาคมสื่อ มันบ่งบอกว่า เรื่องชาติ บ้านเมืองกูไม่สน สนแต่ทรัพย์สินเงินทองของกู และพวกกู เท่านั้น อย่างนั้นหรือ ???

อย่างนี้เขาเรียกว่า Mainstream media's conspiracy of silence and oversight คือวางเฉย เงียบ ละเลย ไม่ทำหน้าที่ที่ควรกระทำอย่างยิ่ง ทั้งนี้เป็นเพราะ

1. ขาดความกล้าหาญ ขี้ขลาด(เพราะส่วนหนึ่งทุนสื่อมาจากสัมปทาน) เก่งแต่บดขยี้ ดารา นักแสดง หรือคนต่ำต้อยกว่า คนที่ไม่มีทางต่อสู้
2. มีผลประโยชน์ร่วมกับผู้ก่อการ หรือผู้กระทำความผิดทั้งหลาย
3. ขาดความเป็นมืออาชีพ ไร้อุดมการณ์ ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง และประชาชน

สิ่งเหล่านี้จึงจำเป็นต้องปฎิรูปสื่ออย่างเร่งด่วน !!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น