Powered By Blogger

วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552

ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้และทางออก (ตอนที่3)

นับตั้งเดือนมกราคม 2004 จนถึงสิ้นปี 2008 เป็นเวลา 5 ปี ที่เหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้ปะทุขึ้น เกิดเหตุความไม่สงบ 8,541 ครั้ง(เฉลี่ย 4.75 ครั้งต่อวัน) มีผู้เสียชีวิต 3,287 (เฉลี่ย 1.83 คนต่อวัน) ราย บาดเจ็บ 5,409 ราย (ข่าว) รัฐบาลใช้ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ประมาณ 60,000 คน งบประมาณปีละ 40,000 บาท (ข่าว)

ถามว่า ความเข้มข้น ของความไม่สงบในภาคใต้ลดลง หรือมีแนวโน้วจะลดลง หรือคลี่คลายไปในทางที่ดีหรือไม่ ตอบว่า ยังเลย มีแต่พนักงาน เจ้าหน้าที่ชั้นสูง และนายกรัฐมนตรี เท่านั้นที่คอยให้ข่าว ว่าดีขึ้น อย่างโน้น อย่างนี้ อย่า..มุสา !!

แสดงว่ารัฐบาล แต่ละช่วง ขาดความเข้าใจในปัญหาอย่างสิ้นเชิง จึงออกนโยบายผิดๆ เพราะคิดไม่ถูก คนที่คิดไม่ถูกต้อง อย่างหวังว่าจะทำ หรือปฏิบัติได้ถูกต้อง ไม่ใช่ ล๊อตเตอรี่ ที่ฟลุ๊คถุกได้



นักการเมืองอาสาเป็นตัวแทนเรา เข้าไปใช้อำนาจในการปกครอง และบริหารเงินภาษีอากรของเรา แต่ บ่อยครั้งหรือแทบทุกครั้ง เราไม่สามารถเข้าถึง ตรวจสอบ การทำงานอะไรได้เลย ที่สำคัญมันกระทบวิถีชีวิตเรา ให้แย่ลง ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
เมื่อโลกที่เคยติดต่อเชื่อมโยงถึงกัน อย่างยากลำบาก ได้ถูกทำให้แบนราบลง อุปสรรค์ขวากหนาม ต่างๆ ถูกขจัดออกไปตามโลกาภิวัฒน์ 3.0 (จะได้กล่าวในภายหลัง) ผู้คนทั่วทั้งโลก เข้าถึง เชื่อมโยง ปฏิสัมพันธ์กันในแนวระนาบ โยงใยเป็นเครือข่าย ตามความสนใจ ความชอบส่วนบุคคล ความอิสระ เสรีภาพในการเลือกอยู่ในมือของทุกคน ดังนั้น ขอย้ำและยืนยันว่า ระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน (Representative Democracy) ที่เราใช้อยู่นั้น ไม่สอดคล้อง ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

สิ่งที่นักการเมืองไทยกำลังคิดและทำอยู่ในปัจจุบันนี้ มันเป็นวิธีคิด ของโลกยุกต์เก่า ที่ต้องคิดและทำอะไรแบบหลบๆซ่อนๆ เป็นอีแอบ เมื่อตกลงในผลประโยชน์ หรือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกันเองได้ ก็ปรกติราบรื่นดี แต่หาก เกิดความขัดแย้งกัน ตกลงกันไม่ได้ แบ่งปัน "เค้ก" ระหว่างกัน ไม่ลงตัว ก็จะมีตั้งแต่ "แฉ" ผ่านสื่อ ไป เรื่อยๆ จนถึงจัดตั้งมวลชน เป็นฐาน ก็อย่างที่เห็นที่เป็นอยู่เวลานี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น