The Long Tail เป็นปรากฎการณ์ทางการตลาดใหม่ ที่ Chris Anderson นั่งเผ้าสังเกตุ ธุรกรรม การค้าขายบนอินเตอร์เน็ต และได้พบสิ่งแตกต่างไปจากสิ่งที่เคยพบเห็นบนโลกปรกติ นั่นคือ สินค้าที่ ขายได้น้อย หรือขายยากมากๆ บนโลกปรกติ สามารถขายได้บนโลกออนไลน์ และสามารถขายได้กำไรมากมาย จนเกิดหาง(เส้นกราฟสีเหลือง) ยาวไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด จนพื้นที่โดยรวมภายใต้เส้นสีเหลือง มีพื้นที่มากกว่าพื้นที่ภายใต้เส้นสีแดง เสียอีก ซึ่ง ได้พังกฎเกณฑ์ 80/20 (Pareto Principle) ของ Vilfredo Pareto ที่บอกว่า รายได้80% มาจากลูกค้ารายใหญ่ 20% แรก ซึ่งก็ยังเป็นไปได้อยู่ในโลกการค้าปรกติ แต่หากเป็นธุรกิจบนออนไลน์แล้ว ไม่ใช่อีกต่อไป เพราะ..
1. ตลาดเป็นออนไลน์ไร้พรมแดน เป็นตลาดขนาดใหญ่มากๆ เมื่อตลาดใหญ่ มีผู้ต้องการสินค้าหลากหลายด้วยเช่นเดียวกัน
2. การค้าบนออนไลน์ แทบจะไม่มีต้นทุนในการ เก็บ รักษา ดูแล สินค้าเลย เพราะ ไม่ต้องมีสต๊อกสินค้า ถึงมีก็น้อยมาก เมื่อเทียบกับ โลกปรกติ แตกต่างจากการค้าบนโลกปรกติ ที่ต้องมีทั้ง สต๊อกสินค้า ค่าจัดเก็บ ดูแลรักษา ขนส่ง บริหารจัดการ
3. การวางจำหน่ายสินค้าบนโลกปรกติ จะต้องคัดเลือกสินค้าที่ขายได้ดี เร็วได้กำไรมาก เรียกว่า "หมุนเร็ว กำไรงาม" เท่านั้น เพราะ พื้นที่ให้วางสินค้านั้นมีจำกัด(แต่มีสินค้าต้องการขายมากมาย) จึงไม่สามารถจะนำสินค้าทุกชนิด ทุกขนาด วางขายได้ ต่างจากโลกออนไลน์สามารถ วางสินค้า หรือโชว์สินค้าได้ตามความต้องการ ไม่ว่าสินค้านั้นจะขายได้น้อยบนโลกปรกติ เพราะมีต้นทุนส่วนเพิ่มน้อยมาก หรือเรียกได้ว่า ต้นทุนการเสียโอกาสเข้าไกล้ศูนย์
คราวนี้นำเอา The Long Tail มาจับ มาอธิบายในเรื่องของประชาธิปไตยกำหนดให้แกนตั้งเป็น อำนาจอันชอบธรรม (Authority) แกนนอนเป็นประชาชน (Citizens) ทั่วไป
คนที่ใช้อำนาจรัฐ คลุกคลีอยู่กับอำนาจ มีส่วนเกี่ยวข้างอยู่กับอำนาจ ก็จะอยู่ส่วนหัว คือส่วนที่ใกล้แกนตั้งมากที่สุด (ดังภาพด้านล่าง) และถือเป็นคนส่วนน้อยนิด เช่น รัฐบาล ส.ส. และ ส.ว. การเมืองท้องถิ่นก็เช่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต) และกรรมการ เป็นต้น เรียกว่า เป็นผู้ปกครอง ส่วนประชาชนทั่วไปและเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ก็อยู่ส่วนหาง คือทอดยาวขนานไปกับแกนนอน เรียกว่า เป็นผู้ถูกปกครอง
จะสังเกตเห็นได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่สามารถเข้าถึงอำนาจ หรือ ใช้อำนาจในการดุแลปกครองกันเองได้เลย ไม่สามารถ จะมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยได้เลย หรือมีก็ต้องผ่านคนอื่น คือ "ผู้แทน" ลักษณะนี้ เก่าไปแล้ว การเมืองรูปแบบเดิมๆ ซึ่งไม่สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว
ทันทีที่เรามีระบบการคัดกรองนักการเมือง นั่นหมายความว่า พลัง อำนาจในการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย ของประชาชนส่วนใหญ่ อยู่ในมือของประชาชนแทบทุกคน ย้ำ แทบทุกคน ไม่เฉพาะคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งได้เท่านั้น คนที่มีอายุยังไม่ถึงเกณฑ์เลือกตั้งได้ก็ได้สิทธินี้เช่นกัน สามารถตรวจสอบ เป็นหู เป็นตาคอยรายงานพฤติกรรม พฤติการณ์ของเหล่า "ว่าที่" และนักการเมืองได้ตลอดเวลา ผ่านทางเว็บไซต์กลาง (Web service) ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายๆ สะดวก รวดเร็ว
เมื่อมี ระบบการคัดกรองนักการเมือง จะเกิดเส้นกราฟสีแดง(ดังรูป) แสดงให้เห็นถึงการคัดกรอง ตรวจสอบ นักการเมือง ตั้งแต่ ช่วงตรวจสอบโดยประชาชนในช่วง 5 ปี ก่อน กกต รับรองให้เป็นนักการเมือง จนถึงนักการเมืองเข้าใช้อำนาจของรัฐ ประชาขนทั่วไปสามารถตรวจสอบ รายงาน ได้ตลอดเวลา 7/24 นี่คือการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของประชาขนทั่วไป และสามารถนำไปสู่กระบวนการต่างๆอีกมากมาย เป็นต้นว่า การบริจาคเงินสนับสนุนนักการเมืองหรือพรรคการเมืองจากประชาชนทั่วไป ให้ทำได้อย่างง่ายๆ การสื่อสารกันระหว่างนักการเมือง พรรคการเมืองกับประชาชนทั่วไป ให้ทำได้ง่ายๆ สะดวก คล่องตัว กิจกรรมทุกอย่างที่นักการเมืองต้องการทำ เพื่อสื่อสารให้ประชาชนทั่วไป ได้รับรู้ ทำผ่านช่องทางนี้ได้เลย เป็นต้น ส่วนนักการเมืองที่ประพฤติ ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม ก็จะถูกตรวจสอบ รายงานโดยประชาชน เช่นเดียวกัน ข้อมูลทุกอย่างจะเก็บเป็นฐานข้อมูลก้อนมหึมา ข้อมูลก็จะมีทั้งเท็จ จริง โคมลอย สารพัด แต่ ระบบก็จะมีการวิเคราะห์(Analytics) ด้วยโปรแกรมที่ดี ฉลาดมากๆ แม่นยำมาก และที่สำคัญ เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่เอนเอียงเข้าข้างใคร ซึ่งจะมีข้อโต้แย้งน้อย กว่าใช้คนคัดเลือก ตัดสิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น