Powered By Blogger

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

กฏหมายรัฐธรรมนูญไม่ใช้ตัวปัญหาการเมืองไทย

"Where there is no vision, the people perish" Proverbs 24:18 The Old Testament










ผู้นำที่ใดก็ตาม ไม่ว่าองค์กรเล็ก ใหญ่ หรือผู้นำระดับประเทศ หากไม่มีการมองการณ์ไกล ผู้ตามก็แย่ เพราะคนที่ไม่มีการมองการณ์ไกล ย่อมไม่รอบรู้ มองอะไรแบบแยกส่วน ทำไปตามความคิดตนเอง และพรรค พวก ทำเป็นส่วนๆ เหมือนตำข้าวสารกรอกหม้อ ไม่รู้ทิศทางที่ถูกต้อง ที่ควร ที่เหมาะสม ความเป็นมา เป็นไปของโลก และแม้จะรู้ว่า โลกทุนนิยมเสรีประชาธิปไตยใบนี้ มีบางสิ่งบางอย่างมันผิด มันเพี้ยน มันบิด มันเบี้ยว ก็ไม่มีความสามารถคิดและแก้ปัญหาได้อย่างบูรณาการ ที่สอดรับ สอดคล้อง และใช้ประโยชน์สูงสุด กับสภาวะโลกที่แบบราบลงแล้วทุกขณะได้

อยากจะบอกว่า "อีกแล้วครับท่าน" ที่นักการเมืองทั้งหลาย จะไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือยกเลิก อะไรก็แล้วแต่ ที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ สรูปก็คือโทษกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่โทษ คน ไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ ว่า คน หรือนักการเมืองนั่นแหละคือตัวปัญหา เพราะนักการเมืองไทยส่วนใหญ่ เข้าสู่ถนนการเมืองง่ายเกินไป จึงได้คนที่ ไม่เหมาะ คนที่ไม่พร้อมที่จะทำงานการเมือง เราจึงจำเป็นต้องมี ระบบการคัดกรองนักการเมือง เพื่อคัดกรองนักการเมืองที่นอกเหนือจาก ใช้หลักฐานด้านประชากรศาสตร์(Demograhpic Data) อย่าง วุฒิการศึกษา อายุ ข้อห้ามตามกฎหมายต่างๆ ซึ่งไม่เพียงพอหรอกในโลกทุนนิยมเสรีที่ซับซ้อนอย่างในปัจจุบันและอนาคต เราตัองมีการคัดกรองด้วยพฤติกรรม พฤติการณ์ ทัศนคติ กรอบวิธีคิด จิตจริยธรรม ของผู้จะทำงานสาธารณะ อย่างงานการเมือง ด้วย และผมเชื่อว่า สำคัญยิ่งกว่า หลักฐานทางด้านประชากรศาสตร์

ปี 2540 ได้รัฐธรรมนูญที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก็ ใครกันล่ะ ที่เข้าไปใช้เล่ห์กล แทรกแซง องค์กรอิสระ ไม่เคารพกฎเกณฑ์ของกฎหมาย จนเป็นส่วนหนึ่งของ เหตุ 19 กันยายน 2549
ปี2550 ได้กฎหมายรัฐธรรมนูญอีกฉบับที่เขียนเชิงป้องกันไว้ และตีกรอบไว้ให้นักการเมืองปฎิบัติค่อนข้างเข้มงวด แต่แล้วเป็นอย่างไร ก็ได้มีการยุบพรรคการเมืองไปหลายพรรคด้วยกัน ต่างกรรมต่างวาระกันไป นักการเมืองบางกลุ่มตั้งพรรคแล้วถูกยุบพรรค ก็ตั้งใหม่ ได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกยุบพรรคอีก แต่นักการเมืองก็โทษรัฐธรรมนูญ ว่าแรงเกินไปบ้าง กรรมการบริหารพรรคคนอื่นไม่ได้ทำผิดด้วยไม่ยุติธรรมที่ต้องถูกลงโทษด้วย หาได้คิดโทษตัวเองไม่

แล้วจะเอาอย่างไรกันอีกล่ะ..??

เราจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญกันอีกกี่ร้อยกี่พันหนกัน(ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองไทยได้เพราะเกาไม่ถูกที่คัน) ผมก็ยังยืนยันว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยว



สิ่งที่นักการเมืองทั้งหลายกำลังจะประชุมหาหนทางสมานฉันท์กันอยู่ ณ เวลานี้ เป็นเพียง การหาหนทางออมชอมผลประโยชน์กันเองระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์ กับนักการเมืองที่ถูกกฎหมายให้ยุติบทบาททางการเมือง 5 ปี และ ผลประโยชน์อื่นๆ พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้บริหารประเทศต่อไประยะเวลาหนึ่ง "แสวงหา"ไป อีกฝ่ายก็ สามารถลงเล่นการเมืองได้เร็วขึ้น เพราะได้กฎหมายนิรโทษกรรมให้ ถามว่า ประชาชนได้อะไร ?? ประเทศชาติได้อะไร??



สิ่งที่เราเห็น ดูหมือนเหตุการณ์จะยุติ ความสงบจะกลับมา ถ้าสามารถออมชอมกันได้ แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น มันเหมือนซุกขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไว้ใต้พรม ซุกปัญหาไว้แล้วพูดหลอกชาวบ้าน ว่าเรียบร้อยแล้ว แก้ไขปัญหาการเมืองได้แล้ว เมื่อ ทุกคนสามารถกลับทำงานการเมืองได้เหมือนเดิม อะไรจะเกิดขึ้น วงจรอุบาทว์ไงล่ะ เกิดขึ้น เหมือนเดิม ยือแย่ง มวลชน ซื้อเสียง ทำทุกอย่างให้ใด้เป็น ส.ส.(แย่งกันเป็น ส.ส.) แล้วก็ไป แบ่งอำนาจกัน (แย่งอำนาจกัน) บริหารประเทศ จากนั้นก็ถึงคราวแสวงหาเงินทอง อย่างผิดๆ เมื่อได้ลาภ ยศ ทรัพย์สิน ก็เอาสิ่งเหล่านี้ไปหว่านในพื้นที่สร้างเครื่อข่าย ปูทางให้ตนเองได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีก แล้วยังไง ก็เกิดปรากฎการณ์อย่างคุณสนธิ อีก เกิดเสื้อสีต่างๆ อีก หายนะรออยู่ชัดๆ

ถึงต้องถามกันตรงๆว่า ประเทศชาติประชาชนได้อะไร ?? ประชาชนมาก่อนจริงหรือ ?? ถ้าจะทำแบบนี้ ปัญหาทางการเมือง หมดไปจริงหรือ ??

ถามนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า คิดอะไรอยู่ สิ่งที่ท่านนายกเคยเขียนไว้ ที่เว็บไซต์อภิสิทธิ์ เรื่องเงินที่เกียวพันกับการเมือง (Money politics)ไม่ว่าจะเป็น เงินที่นำไปใช้สร้างเครือข่ายทางการเมือง( Expenses indirectly associated with political activities which are necessary to build political bases and networks.) ก็ดี เงินที่นักการเมืองใช้ซื้อเสียง(Vote buying) ก็ดี ท่านก็ยังไม่สามารถหาหนทางแก้ไขได้ ที่สำคัญท่านยังไม่ได้หยิบยกขึ้นเป็นวาระของรัฐบาลด้วยซ้ำ(ไม่แน่ใจว่ามีอยู่ในนโยบายรัฐบาลหรือไม่) สมาชิกพรรคท่านนายกเองก็ทำกันอยู่ นักการเมืองล้วนทำกันเป็นส่วนใหญ่ ท่านนายกรู้ดี

ครั้งต่อไปผมมีวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างเป็นระบบ และเป็นจริง ตามสภาวะโลกปัจจุบัน และอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น